4 หุ้น “โรงแรม” เด้ง! จ่อรับนทท.เพิ่ม หลัง “จีน” คลายล็อกออกนอกปท.
4 หุ้นโรงแรมเด้ง! ลุ้นรับอานิสงส์จีนคลายล็อกเดินทางออกนอกประเทศ ฟากบล.เคจีไอ แนะซื้อหุ้นเด่นในกลุ่ม SHR เป้า 6 บ. ส่วน MINT เป้า 44 บ. และ ERW เป้า 4.70 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 มิ.ย. 2565) ณ เวลา 12:30 น. ช่วงตลาดปิดภาคเช้า ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มปรับตัวขึ้นอาจเป็นเพราะหลังจากเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายต่อเนื่อง และน่าจะได้รับผลดีจากกรณีทางการจีนคลายล็อกการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มหลัก
สำหรับราคาหุ้นกลุ่มโรงแรงปรับตัวขึ้นนำโดย บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 43.75 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 6.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 267.85 ล้านบาท
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 35.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 319.46 ล้านบาท
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.86 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81.38 ล้านบาท
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.60 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 1.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105.74 ล้านบาท
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 8 ล้านคน ซึ่งจำนวน 6 ล้านคนจะเดินทางเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจนถึงขณะนี้ พบว่าสถานการณ์ COVID-19 ในทำเลต่างๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายประเทศได้ยกเลิกข้อกำหนดในการคุม COVID-19 ไปแล้ว และเดินหน้าสู่การปรับเป็นโรคประจำถิ่น
ขณะเดียวกันเชื่อว่าหากจีนผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางออกไปท่องเที่ยวนอกประเทศเพิ่มเติมจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนประมาณการ
สำหรับธุรกิจโรงแรม คาดว่าผลกระทบด้านลบจากต้นทุนที่เพิ่มค่อนข้างจำกัด เนื่องจากต้นทุนพนักงานยังเพิ่มขึ้นในระดับที่บริหารจัดการได้ ในขณะที่ต้นทุนสาธารณูปโภคคิดเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับต้นทุนรวม และมองว่าธุรกิจอาหารจะได้รับผลกระทบด้านลบมากกว่า เพราะต้นทุนวัตถุดิบโดยตรงมีบทบาทสำคัญ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของต้นทุนทั้งหมด
ทั้งนี้ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ฝ่ายวิจัยศึกษาอยู่ คาดว่า CENTEL จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพราะเงินเฟ้อมากที่สุด รองลงมาคือ MINT
เพื่อจับโอกาสการลงทุนและสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในระยะต่อไป โดยทางฝ่ายวิจัยขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 และคงน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ได้แก่ SHR แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท, MINT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท และ ERW แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท
อย่างไรก็ตามส่วนของ ERW ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำจากเดิม “ถือ” เป็น “ซื้อ” และเพิ่มเข้ามาใน Top-pick ด้วยรอบนี้ เพราะคาดว่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่จะได้อานิสงส์เต็มที่จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2565