“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” ดิ่ง 500 จุด ผวาเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หวังสกัดเงินเฟ้อ
“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” ดิ่ง 500 จุด สู่ระดับ 30,796 จุด ผวาเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หวังสกัดเงินเฟ้อ ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5-10-30 ปี พุ่งเกิน 3%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 500 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดิ่งลงในคืนนี้(13มิ.ย.2565) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย โดย ณ เวลา 18.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 563 จุด หรือ 1.8% สู่ระดับ 30,796 จุด
โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 800 จุด เมื่อวันศุกร์ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4.58% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับตัวลง 10 ใน 11 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดิ่งลงกว่า 5% และปรับตัวลง 9 ใน 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2565 ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 13.6% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดิ่งลง 18.2% และ 27.5% ตามลำดับ
ด้านตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวสูงกว่าอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีได้ดีดตัวสูงกว่าอายุ 10 ปีและ 30 ปีในวันนี้
โดย ณ เวลา 18.08 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.39% โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวสูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.25% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ระดับ 3.263%
ขณะที่ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
จากก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในเวลาเพียงไม่กี่ปีถัดมา
ด้าน FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 5% ก่อนหน้านี้
ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
ด้านนักวิเคราะห์จากบาร์เคลยส์และเจฟเฟอรีส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยคิดว่าเฟดจะสร้างความประหลาดใจต่อตลาดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในการจัดการกับเงินเฟ้อ
ส่วนนักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย เมลลอนคาดว่าเฟดจะจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.50% หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.ได้สร้างความกังวลอย่างมากจนทำให้เฟดจะต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อีกทั้งนักวิเคราะห์จาก Swissquote Bank ระบุว่า “ขณะนี้เฟดมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ค. และมีโอกาส 14% ที่จะปรับขึ้นถึง 1.00% นี่เป็นสิ่งที่เฟดจะดำเนินการหลังการประกาศตัวเลข CPI เมื่อวันศุกร์”