“หุ้นโรงกลั่น” รีบาวด์! คลายกังวลรัฐแทรกแซง โบรกชู ESSO ไตรมาส 2 เด่น เป้า 12.50 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 10:29 น. บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO อยู่ที่ระดับ 12.60 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 6.78% สูงสุดที่ระดับ 12.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 319.52 ล้านบาท

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 46.25 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.21% สูงสุดที่ระดับ 46.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 45.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 310.74 ล้านบาท

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP อยู่ที่ระดับ 32.50 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.36% สูงสุดที่ระดับ 32.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 31.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 139.25 ล้านบาท

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC อยู่ที่ระดับ 13 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.17% สูงสุดที่ระดับ 13.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 166.89 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อยู่ที่ระดับ 54.50 บาท บวก 1 บาท หรือ 1.87% สูงสุดที่ระดับ 54.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 53 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 632.86 ล้านบาท

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC อยู่ที่ระดับ 3.44 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.18% สูงสุดที่ระดับ 3.44 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.38 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 102.94 ล้านบาท

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นปรับตัวกลับขึ้นมาบวกในวันนี้ คาดว่าเป็นเพราะนักลงทุนมองประเด็นภาครัฐขอความร่วมมือกับโรงกลั่นในการลดค่าการกลั่นเพื่อพยุงราคาน้ำมัน อาจทำได้ยาก เนื่องจากค่าการกลั่นเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ขณะเดียวกันในฝั่งของโรงกลั่นเองก็มีต้นทุนสูง

ดังนั้น หากมองในด้านปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มดังกล่าว แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/65 น่าจะเติบโตโดดเด่น จากค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมา โดยแนะนำซื้อ ESSO ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาท และ SPRC ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน แต่สามารถเน้นเก็งกำไรในระยะสั้นได้

ขณะที่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มโรงกลั่นเผชิญความไม่แน่นอน หลังภาครัฐและนักการเมืองโจมตีโรงกลั่น (และโรงแยกก๊าซ) จากกำไรที่สูงปีนี้จากค่าการกลั่นที่สูงกว่าปกติ และมีการเสนอแนะหลายแนวทางในการเก็บเงินจากกลุ่มโรงกลั่นเพื่อสนับสนุนฐานะของการทุนน้ำมัน รวมไปถึงการเก็บภาษีลาภลอย แม้แนวทางต่างๆ อาจนำไปสู่ภาคปฎิบัติไม่ง่ายและเสี่ยงต่อข้อหาแทรกแซงตลาด

ทั้งนี้หากอิงแนวทางในปี 51 อาจออกมาในรูปแบบของเงินบริจาค ซึ่งกลุ่มโรงกลั่นเคยบริจาคดังนี้ TOP 920 / PTTAR 600 / IRPC 415 / BCP 261 รวม 2,196 ล้านบาท (ขณะนั้น ESSO และ SPRC ยังไม่เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน)

ดังนั้น เราคาดหุ้นโรงกลั่นในระยะสั้นจะ Underperform จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องภาระต้นทุนส่วนนี้