“โกลเบล็ก” ชู 5 หุ้นแบงก์รับผลดี “กนง.” ขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง
“บล.โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยรับแรงกดดัน “เงินเฟ้อ” สหรัฐ พร้อมชู 5 หุ้นธนาคารได้ประโยชน์ “กนง.” ขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งหลังปี 65
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าที่ตลาดคาดจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6% จากปีก่อน สูงสุดในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3% และสูงกว่าระดับ 8.3% ในเดือนเม.ย.จึงคาดว่าจะเป็นตัวเร่งให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อีกทั้งประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เตือนว่าทั่วโลกจะเผชิญกับวิกฤตอาหารขั้นรุนแรง ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อมีโอกาสพุ่งขึ้นต่อไปจากปัจจุบัน และอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงเกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ขณะเดียวกัน มติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% สะท้อนว่ามีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยในระยะข้างหน้า ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น (Financial Transaction Tax) เพื่อออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศบังคับใช้ต่อไปเป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย
ดังนั้น โกลเบล็ก จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของ SET Index ระยะนี้จะอยู่ในกรอบ 1,550-1,600 จุด แนะนำนักลงทุนระยะสั้นถือเงินสดรอดูผลการประชุมเฟด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.), กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานนโยบายการเงิน, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจ, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ด้านสหภาพยุโรป (อียู) รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนมิ.ย., สหรัฐ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) รู้ผลเช้าวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งตลาดคาดจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
ขณะที่จีนรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., อียู รายงานดุลการค้าเดือนเม.ย. รวมทั้ง สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. และ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคาดการณ์ว่า กนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งหลังปี 65 ทำให้หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากรายได้ดอกเบี้ยมีโอกาสเพิ่มขึ้น ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, KTB และ TISCO
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังต้องจับตาประกาศตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และการประชุม FOMC ที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% และปรับลดขนาดงบดุล โดยตลาดยังรอมุมมองของเฟดเพิ่มเติมต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะถัดไป หากเงินเฟ้อเร่งตัวระดับสูงอาจเป็นเหตุให้เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นจาก 0.5% เป็นเพิ่มขึ้น 0.75% เพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำถูกกดดันจากการประชุม FOMC เนื่องจากเงินเฟ้อเดือน พ.ค.ของสหรัฐยังทรงตัวระดับสูงกว่า 8.6% สูงสุดในรอบ 40 ปีทำให้เฟดพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐและดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้และอาจกดดันราคาทองคำ มุมมองกรอบการซื้อขายบริเวณ 1,840-1,890 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หากย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับดังกล่าว ทยอยเข้าซื้อสะสม