BIOTEC พุ่งแรง 17% ลุ้น Q2 โตต่อ หลังรับโอนกิจการ MOSH บุ๊กรายได้ทันที
BIOTEC พุ่งแรง 17% ลุ้นไตรมาส 2/65 กำไรโตต่อ หลังบริษัทรับโอนกิจการ MOSH ดำเนินธุรกิจน้ำมันปาล์มเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 65 ทำให้รับรู้รายได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5 ก.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC ณ เวลา 11:24 น. อยู่ที่ระดับ 1.14 บาท บวก 0.17 บาท หรือ 17.53% ราคาสูงสุด 1.22 บาท ราคาต่ำสุด 0.98 บาท ด้วยมูลค่าซื้อจาย 293.36 ล้านบาท
ทั้งนี้แนวโน้มผลการดำเนินงาน BIOTEC ในไตรมาส 2/2565 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาส 1/2565 ที่พลิกมีกำไรสุทธิ 56.98 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีผลการดำเนินงานจะเติบโตแข็งแกร่ง หลังบริษัทได้เพิ่มลักษณะการลงทุนจากการที่บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น (Holding Company) ซึ่งมีการลงทุนในธุรกิจหลักคือธุรกิจพาณิชย์นาวี โดยเพิ่มลักษณะการลงทุนในธุรกิจน้ำมันปาล์ม โดยการประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปาล์ม และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งธุรกิจพาณิชย์นาวีเพียงอย่างเดียว และเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัท
รวมถึงช่วงที่ผ่านมา BIOTEC เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2555 มีมติให้ บริษัท ไบโอ เอ็นเนอร์ยี เทค โฮลดิ้ง จำกัด (“BETH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นสัดส่วน100% เข้าทำธุรกรรมรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัท แมทเทอร์ ออยล์ ซินเนอร์จี โฮลดิ้ง จำกัด (“MOSH”)
โดย BETH จะรับโอนมาซึ่งทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิและหน้าที่ตามสัญญา และพนักงานทั้งหมดของ MOSH โดยที่ทรัพย์สินของ MOSH ได้แก่ หุ้นในบริษัท แมทเทอร์ ออยล์ ซินเนอร์จี จำกัด (“MOS”) จำนวน 9,998 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.98 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ของ MOS ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาโอนกิจการทั้งหมดระหว่าง BETH และ MOSH (“ธุรกรรมได้มา”)
สำหรับ MOS ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งผลิตจากน้ำมันปาล์ม ที่กำลังการผลิต น้ำมันไบโอดีเซลประมาณ 200,000 ลิตรต่อวัน โดยมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักในการผลิตพลังงานทดแทนน้ำมันไบโอ ดีเซลที่สำคัญของภาคใต้
ส่วนการเข้าทำธุรกรรมได้มาในครั้งนี้จะเป็นการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไบโอ ดีเซลของบริษัท เพื่อการเสริมสร้างผลการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรได้ทันทีในงบการเงิน รวมของบริษัท ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมได้มาเสร็จสมบูรณ์ และจะเป็นการสนับสนุนความแข็งแกร่ง (Synergy) ของกลุ่มธุรกิจปาล์ม ของบริษัทในด้านต่าง ๆ เช่น กระจายความเสี่ยงในการดำเนินงาน และการเสริมอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบ เป็นต้น