“หุ้นพลังงาน” ร่วง! เซ่นน้ำมันร่วงหลุด 100 เหรียญ ผวา “จีน” ล็อกดาวน์ฉุดดีมานด์
ราคาหุ้น “พลังงาน” ร่วง! เซ่นราคาน้ำมัน WTI ร่วงหลุด 100 เหรียญ ผวา “จีน” กลับมาล็อกดาวน์เมืองสำคัญ อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 158 บาท ลบ 5 บาท หรือ 3.07% สูงสุดที่ระดับ 159 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 157 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 33.75 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 1.46% สูงสุดที่ระดับ 34 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 33.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 630.80 ล้านบาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อยู่ที่ระดับ 50.25 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 2.90% สูงสุดที่ระดับ 51 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146.87 ล้านบาท
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC อยู่ที่ระดับ 11.50 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 4.96% สูงสุดที่ระดับ 11.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 144.30 ล้านบาท
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO อยู่ที่ระดับ 10.70 บาท ลบ 1 บาท หรือ 8.55% สูงสุดที่ระดับ 11.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205.87 ล้านบาท
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 44.25 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 0.56% สูงสุดที่ระดับ 44.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 44.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95.16 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นพลังงานปรับตัวลดลงวันนี้ ตามสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 8% หลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณถดถอยและการที่จีนมีแนวโน้มจะกลับมาล็อกดาวน์เมืองสำคัญนั้น อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวลงด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 8.93 ดอลลาร์ หรือ 8.2% ปิดที่ 99.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 10.73 ดอลลาร์ หรือ 9.5% ปิดที่ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีน โดยนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีนประกาศมาตรการตรวจเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่เป็นเวลา 3 วัน โดยพุ่งเป้าติดตามผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดในคาราโอเกะแห่งหนึ่ง
นายติง ลู่ นักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระเปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทำให้เมืองหลายแห่งของจีนเฝ้าระวังสถานการณ์เพิ่มขึ้น โดยนับจนถึงวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. จำนวนเมืองที่จำกัดการเดินทางในขณะนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11 เมือง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากจำนวน 5 เมืองเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งในสหรัฐและทั่วโลก โดยในสหรัฐนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงซึ่งให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.0%
โดยตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดตัวลงแตะระดับ 65 ดอลลาร์ในปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ เวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาไทย