จังหวะช้อน BLESS ลุ้นรับปันผล! หลังตุนกำไรสะสม 180 ลบ. ผบห.ย้ำรายได้ปีนี้โต 20%
จังหวะช้อน BLESS หลังราคาร่วงหลุดไอพีโอ 1.40 บาท ลุ้นรับปันผลหลังตุนกำไรสะสม 180 ลบ. ฟากผู้บริหารย้ำรายได้ปีนี้โต 20%
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 ก.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BLESS ณ เวลา 10:02 น. อยู่ที่ระดับ 1.35 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ระดับ 1.38 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.34 บาท ด้วยมูลค่า 52.91 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น BLESS ปรับตัวลดลงหลุดราคาไอพีโอที่ระดับ 1.40 บาท หลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วานนี้เป็นวันแรก
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLESS เปิดเผยว่า บริษัทมีความตั้งใจจะดำเนินงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับนักลงทุน ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 บริษัทมีกำไรสะสมในมือประมาณ 170-180 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะนำมาจ่ายเงินปันผลทันทีในปี 2565 โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท และหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัทมีกำหนดจ่ายปีละ 1 ครั้ง ถือเป็นจุดเด่นของ BLESS ด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทยังตั้งเป้าหมายในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2565-2567) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 จะมีรายได้เติบโตเท่าตัว หรือแตะระดับ 2,000 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้ 795.62 ล้านบาท ซึ่งจากฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่มากขึ้น ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน จากการทยอยส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังตั้งเป้าหมายรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 30% และจะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10%
โดยจะมาจากการรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท จะทยอยส่งมอบในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขาย (สต๊อก) ในพอร์ตมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท จาก 8 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย อีกทั้ง ในช่วงที่เหลือของปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งจะเน้นโครงการประเภทแนวราบระดับบน จำนวน 2-3 โครงการต่อปี รองรับความต้องการผู้บริโภคในตลาดบน ที่ยังคงมีกำลังซื้อที่ดี ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 270 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 220 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 70-80% ของเงินระดมทุนทั้งหมด, ใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืม จำนวน 15 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.2 เท่า จาก ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.43 เท่า ส่วนที่เหลือจำนวน 35 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท รองรับแผนการเติบโตในอนาคต