SMT บวกแรง 7% แย้มครึ่งปีหลังสดใส! โชว์ออเดอร์ทะลัก 2.7 พันลบ. แนะซื้อเป้า 6.30 บ.
SMT บวกแรง 7% แย้มผลงานครึ่งปีหลังสดใส! โชว์ออเดอร์ทะลัก 2.7 พันลบ. โบรกแนะซื้อเป้า 6.30 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11ก.ค.65)ราคาหุ้นบริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT ณ เวลา 15:23 น. อยู่ที่ระดับ 4.28 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 7.54% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57.30 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT เปิดเผยถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 (ก.ค.-ธ.ค. 2565) ว่า จะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ล่วงหน้าแล้วจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์วัตถุดิบขาดแคลนเริ่มคลี่คลาย
นอกจากนี้บริษัทจะเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นด้วย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่เพื่อเซ็นสัญญารับงานใหม่รวม 15 ราย คิดเป็นมูลค่างานมากกว่า 4,000 ล้านบาท คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถเซ็นสัญญารวมมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสัญญาระยะยาว 3-5 ปี โดยลูกค้าใหม่ที่กำลังเจรจานั้นเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง เฉลี่ย 300-1,000 ล้านบาทต่อราย และมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี
ขณะปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้า (Backlog) รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท ทั้งงาน Measuring Tools, Optical Transceiver และ EV Battery Control ซึ่งจะทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงไตรมาส 3/2565 มากกว่าไตรมาส 2/2565 และในช่วงไตรมาส 4/2565 คาดว่าจะเริ่มผลิตออเดอร์ที่รับเข้ามาแล้ว ได้แก่ งาน Power Amplifier, Wall mount BT audio และ BGA Packages เข้ามาเพิ่มเติม และยังคงมีสัญญาณการสั่งซื้อที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยมีออเดอร์ประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปีนี้บริษัทอาจมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ที่ 3,300 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วัตถุดิบขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา แต่รายได้ยังคงเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,239.94 ล้านบาท จากการมีออเดอร์เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้าหมายรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 20% จากการลดต้นทุนต่าง ๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต สำหรับกลยุทธ์หลักในการดำเนินงานในปัจจุบัน จะประกอบด้วย 1. ลูกค้าเดิมมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 2. การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้มีมากขึ้น 3. การขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ ๆ จากปัจจุบันที่มีรายได้จากสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก (มีสัดส่วนรายได้ถึง 86%) 4. การใช้ระบบต่าง ๆ เข้ามาช่วยดำเนินงาน ทั้ง solutions และ Automation และ5. การสร้างความแตกต่างในตลาด ตั้งแต่การออกแบบให้เข้ากับตลาดที่บริษัทให้บริการอยู่
บริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการร่วมประชุมกับผู้บริหาร SMT ปรับลดเป้าหมายยอดขายปี 2565 ลงเป็น 3,000 ล้านบาท จากเดิม 3,300 ล้านบาท จากวัตถุดิบบางประเภทสำหรับสินค้ากลุ่ม Optics ยังต้องใช้เวลาสั่งซื้อ และต้องให้ความสำคัญกับการบริหารวัตถุดิบใกล้ชิด
โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าและ วัตถุดิบพร้อมผลิตสินค้าประมาณ 70% ของเป้าหมายยอดขายที่ 3,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมาย %Gross margin ยังคงไว้ที่ 18%-20% ทั้งนี้หากเทียบกับประมาณการปีนี้ของ คาดยอดขาย 3,000 ล้านบาท และ %Gross margin ที่ 19% ถือว่ายังสอดคล้องกับ เป้าหมายยอดขายใหม่ของบริษัท และยังไม่เป็น downside ต่อประมาณการกำไรสุทธิของเรา
แนวโน้มไตรมาส 2/2565 ในเบื้องต้นคาดว่าผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 2/2565 มีกำไร 62 ล้านบาท (โต 14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 17% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) รวมทั้งคาด %Gross margin ใกล้เคียงไตรมาส 1/2565 มองว่าหุ้น SMT สะท้อนกังวลต่อความไม่แน่นอน ของสถานการณ์วัตถุดิบ และการปรับลดเป้าหมายยอดขายปีนี้แล้ว
โดยปัจจุบันซื้อ ขาย PE ปี 2565 ที่ 15.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ปี 2565 ที่ 17.8 ของ 3 บริษัท (HANA, KCE, SVI) คงคำแนะนำซื้อสำหรับ SMT ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท