HANA ดีด 4% โบรกชูเป้า 41 บ. มองงบ Q2 ฟื้น ลุ้นครึ่งปีหลังโตต่อ

HANA เด้งแรง 4% โบรกแนะ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 41 บาท มองงบไตรมาส 2/65 ฟื้นตัวจากปัญหาชิพขาดคลี่คลาย ลุ้นครึ่งปีหลังโตต่อรับยอดผลิตรถยนต์สูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ณ เวลา 10:16 น. อยู่ที่ระดับ 40.25 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.87% สูงสุดที่ระดับ 40.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167.51 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ถือ” จากเดิม “ขาย” และคงราคาเป้าหมายที่ 41.00 บาท อิง PER ปี 65 ที่ 19.5 เท่า (+0.5SD above 5-year average PER) โดยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี downside risk ค่อนข้างจำกัดจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามากในช่วงที่ผ่านมา และรับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว

รวมถึงสถานการณ์ในจีนเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากผลกระทบของ China lockdown ในช่วงไตรมาส 2/65 และปัญหา chip shortage ที่เริ่มดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์มองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 65 ยอดผลิตรถยนต์จะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากมุมมองสภาอุตสาหกรรมแห่งไทย (ส.อ.ท.) โดยมองว่าผลการดำเนินงานใน ระยะยาวของบริษัทยังอยู่ในช่วงเติบโตจากความต้องการชิ้นส่วน semiconductor ที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงธุรกิจ high margin ที่จะเป็น catalyst หลักของการเติบโตในอนาคต

โดยก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัญหาเรื่องชิพขาดแคลนเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลักๆมาจากแนวโน้มการใช้ชิพและการ์ดจอในการขุดเหมืองคริปโตเริ่มลดลง สะท้อนจากการทยอยเปิดตัวสินค้าในกลุ่มไอที ได้แก่ โน๊ตบุ๊คและอุปกรณ์เกมมิ่งมากขึ้นในเดือนมิ.ย.65 ถือเป็นผลบวกต่อกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ต้องใช้ชิ้นส่วนฯ อาทิ ชิพ มาประกอบเป็นอุปกรณ์ต่างๆ หนุนการผลิตและรายได้จะทยอยฟื้นตัวในงวดครึ่งหลังปี 2565

อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาชิพขาดแคลนจะเห็นการทยอยดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามความกังวลด้านเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในงวดครึ่งหลังปี 2565จากปัญหาเงินเฟ้อ ทั้งราคาพลังงานที่สูงขึ้น จะเข้ามากดดันต้นทุนการผลิตสินค้ารวมถึงการขนส่งให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังกดดันแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคบ้างด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลจากหอการค้าไทยประเมินว่าแนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปี 2565 จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี (ม.ค-เม.ย. 65)

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรกลุ่มชิ้นส่วนฯ ไทยไว้เท่าเดิม แม้อาจมีการชะลอคำสั่งซื้อไปบ้างแต่มองว่า Backlog ยอดขายชิ้นส่วนที่ค้างมาต้นปียังสูงต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมทั้งปีจะยังคงเห็นการเติบโตที่ชัดเจน รวมถึงทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องจะถือเป็น Upside ต่อประมาณการกำไรกลุ่มฯ อีกราว 13% แนะนำซื้อ KCE ราคาเป้าหมาย 65 บาท เป็น Top pick จากแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 2/2565 ฟื้นตัว ทั้งเทียบไตรมาสก่อนหน้าและเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากการขยายกำลังการผลิตใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการผลิตเต็มที่ หนุนประสิทธิภาพ

Back to top button