PR9 บวกแรง 4% “ออลไทม์ไฮ” จับตากำไร Q2 โตเด่น อานิสงส์ผู้ป่วยฟื้น แนะซื้อเป้าใหม่ 18 บ.

PR9 บวกแรง 4% “ออลไทม์ไฮ” จับตากำไรไตรมาส 2/65 โตเด่น อานิสงส์ผู้ป่วยฟื้น รับเปิดประเทศ โบรกอัพกำไรปี 65-66 โตแกร่ง แนะซื้อเป้าใหม่ 18 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(21ก.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ณ เวลา 15:00 น. อยู่ที่ระดับ 16.80 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 4.35% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 84.94 ล้านบาท ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 30 ต.ค.25661

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ค.65) ว่า PR9 คาดกำไรไตรมาส 2/2565 โตแรง 10 เท่า เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้ป่วยไทยที่ฟื้นตัวสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 แล้ว

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2565 คาดยังโดดเด่นต่อเนื่องจาก High Season และการระบาดของโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ที่เริ่มเร่งตัวอีกครั้ง ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติคาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้น

โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565-2566 ขึ้นเป็น 95% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 18 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ด้านนายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน PR9 เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 จะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2565 แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ และรายได้จากผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับโควิด-19 จะปรับตัวลดลง แต่ได้แรงบวกจากผู้ป่วยภาคปกติฟื้นตัวกลับมาค่อนข้างมาก และผู้ป่วยของศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้อัตราการใช้บริการผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบการเงินและประกาศงบฯ ในวันที่ 11 ส.ค. 2565

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/2565 เข้าสู่ช่วงไฮซีชั่น บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานจะเติบโตกว่าไตรมาส 2/2565  และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ป่วยภาคปกติกลับมาสู่ภาวะปกติ ทั้งแผนกโรคทั่วไป และเคสผ่าตัดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย รวมไปถึงศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ทั้งศูนย์เลสิค การตรวจสุขภาพประจำปี และผ่าตัดเสริมความงาม ที่มีผู้ป่วยเข้ามาค่อนข้างมากในช่วงวันหยุดยาว บวกกับช่วงนี้ผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 กลับมาขยายตัวสูงอีกครั้ง หลังปัจจุบันเกิดการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว

ขณะเดียวกันในไตรมาส 3/2565 บริษัทจะเน้นความพร้อมด้านการรองรับผู้ป่วยต่างชาติเป็นหลัก โดยได้มีการปรับพื้นที่เพื่อเปิดบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ “International center” โดยเฉพาะ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผู้ป่วยชาวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกือบเป็นปกติแล้ว และประเมินว่าภายในสิ้นปี 2565 สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติจะกลับมาสู่ระดับ 15% เทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติฟื้นตัวกลับมาภายใต้ฐานที่ใหญ่ขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยภาคปกติ ถือว่ามีสัญญาณที่ดีมาก

“ทางโรงพยาบาลยังได้ปรับปรุงรีโนเวทพื้นที่เพิ่มเติมในส่วนของแผนกผู้ป่วยนอกทั่วไป เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น และได้มีการปรับปรุงแผนกฉุกเฉินให้มีความพร้อมรองรับผู้ป่วยให้ดีขึ้นอีกด้วย ส่วนการยกเลิกสนับสนุนกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (สีเขียว) ของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมานั้น ยังส่งผลให้ผู้ป่วยชำระเงินเอง และผู้ป่วยประกันเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝน ยังมีผู้ป่วยโรคประจำฤดูเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเด็ก ที่เป็นโรคท้องร่วงค่อนข้างเยอะ”

ดังนั้นภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก และช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะออกมาดีกว่าที่คาด โดยล่าสุดบริษัทได้มีการปรับเพิ่มเป้าหมายมีรายได้เติบโตมากกว่า 20% จากเดิมที่ประเมินว่ารายได้จะเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,030.18 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมมากถึง 980.28 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาการนำ Non-Fungible Token (NFT) และ Metaverse เข้ามาพัฒนาร่วมเกี่ยวกับด้านบริการทางการแพทย์ และการตลาด เป็นต้น เมื่อมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ส่วนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในขณะนี้ มองว่าไม่น่าห่วงหากได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบตามกำหนดแล้ว อีกทั้งผู้ป่วยติดเชื้อในปัจจุบันมีอาการไม่รุนแรงมากนัก สามารถรับยากลับไปพักผ่อนที่บ้าน หรือหากต้องการรักษาที่โรงพยาบาลก็ทำได้เช่นกันแล้วแต่บุคคล และการกักตัวผู้มีความเสี่ยงน่าจะน้อยลงจาก 10 วัน เหลือ 5 วัน เป็นต้น

Back to top button