ลุ้น BGRIM-GPSC ดีดบวก! โบรกชี้ปิดซ่อมท่อส่งก๊าซ PTTEP กระทบจำกัด-รับอานิสงส์ขึ้นค่า Ft
ลุ้น BGRIM-GPSC ดีดบวก! โบรกชี้เหตุการณ์ท่อส่งก๊าซ “ซอติก้า” ของ PTTEP เกิดรอยรั่ว ปิดซ่อม 2 สัปดาห์กระทบจำกัด พร้อมรับอานิสงส์ขึ้นค่า Ft ปีนี้ 0.6866 บ. จับตาปี 66 ขึ้นอีก แนะซื้อ BGRIM เป้า 44 บ.
สืบเนื่องจากกรณีท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกโครงการซอติก้า ของบริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ปตท.สผ.อ.) สำนักงานย่างกุ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เกิดรอยรั่ว ส่งผลให้จำเป็นต้องปิดวาล์วของท่อก๊าซฯ และหยุดการส่งก๊าซฯ จากโครงการซอติก้ามายังประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โดยคาดว่าจะใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 2 สัปดาห์นั้น
ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม SPP ในไทยโดยให้บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM กับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นหุ้นท็อปพิกในกลุ่ม จาก 1) ผลกระทบจำกัดจากเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซ 2) ยังมีประเด็นบวกจากการขึ้นค่า Ft ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. ในราคา 0.6866 บาท และ 3) มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นค่า Ft อีกในปี 66 จากการขาดทุนของกฟผ.กว่าแสนล้านบาทที่ช่วยแบกรับค่าไฟไปก่อนหน้านี้
อนึ่ง ปิดตลาดเช้าวันนี้ (2 ส.ค.65) ราคาหุ้น BGRIM อยู่ที่ระดับ 38.75 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 1.27% สูงสุดที่ระดับ 38.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 351.16 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้น GPSC อยู่ที่ระดับ 68.75 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 0.72% สูงสุดที่ระดับ 69 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 68.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154.04 ล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ค.65) ประเมินช่วงครึ่งหลังปี 65 กำไรของ BGRIM จะปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี 65 แม้ว่าจะมีดวามเสี่ยงที่ต้นทุนก๊าซอาจปรับขึ้นอีกครั้งจาก 425 บาท/mmbtu ในไตรมาส 2/65 เป็น 470 บาท/mmbtu โดยเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังปี 65 ภายใต้การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของบล.ฟินันเซีย ไซรัส ซึ่ง PTT จำเป็นต้องนำเข้า Spot LNG จำนวน 2-3mt เพื่อทดแทนอุปทานก๊าซที่หายไปจากแหล่งเอราวัณในราคาที่สูงขึ้นที่ 30-40 เหรียญสหรัฐ/mmbtu คาดว่ากำไรสุทธิของ BGRIM จะมี Downside ไม่เกิน 0.5 พันล้านบาท (ต้นทุนเพิ่ม 3.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงครึ่งปีแรก ชดเชยกับรายได้ 2.7 พันล้านบาท จากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงครึ่งปีแรก บนสมมติฐานที่ว่าค่า Ft จะปรับขึ้น 0.6866 บาท/KWh ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. 65)
ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 44 บาท คาด Upside จากค่า Ft ที่เพิ่ม 0.6866 บาท/Kพh ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.65 น่าจะช่วยชดเชยต้นทุนก๊าซที่อาจเพิ่ม 30 บาท/mmbtu เป็น 470 บาท/mmbtu จากการนำเข้า Spot LNG ที่เพิ่มขึ้น แรงกดดันต่ออัตรากำไรของ BGRIM น่าจะบรรเทาได้จากค่า Ft ที่สูงขึ้นและการเริ่มดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กใหม่จำนวน 5 แห่ง