โบรกแนะเก็บ “หุ้นอสังหาฯ” รับดีมานด์ครึ่งปีแรกโต 52% ชู AP เด่น แบ็กล็อกแน่น 4.1 หมื่นลบ.
โบรกแนะเก็บ “หุ้นอสังหาฯ” รับดีมานด์ครึ่งปีแรก 2565 โต 52% หลังโควิดคลี่คลาย หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว พ่วงมาตรการรัฐหนุนต่างชาติถือครองอสังหา ชู AP ท็อปพิก ตุนแบ็กล็อกแน่น 4.1 หมื่นล้าน
บริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(4 ส.ค.2565) ว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ PROPERTY (NEUTRAL) จากข้อมูลในงานสัมมนาเกี่ยวกับอสังหาฯรอบครึ่งแรกปี 2565 พบว่ากลุ่มฯ มี supply เพิ่ม 110% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีมานด์เพิ่ม 52% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนสถานการณ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่องภายหลัง COVID-19 คลี่คลายลง, กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติ รวมถึงการเปิดรับการเข้ามาของต่างชาติ
โดยเห็นการเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนของ demand ในกลุ่มคอนโด condo มากสุด (ซึ่งส่วนสำคัญจากฐานต่ำ) รองลงมาเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว SDH ในขณะที่กลุ่ม TH ยังลดลง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งคาดมาจากด้านกำลังซื้อในตลาดล่างที่ยังชะลอเมื่อเทียบตลาดอื่น
ทั้งนี้ปี 2565 ทาง AREA คาด supply และ demand จะกลับมาโตสูงทั้ง 2 ด้าน โดยการเติบโตอยู่ตลาด condo เป็นหลัก ในขณะที่กลุ่ม SDH (บ้านเดี่ยว) ยังเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่ง และยังเป็นปีของนักพัฒนา(developer) รายใหญ่ที่แย่ง market share ได้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองบริษัท
โดยคงประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มฯในปี 2565-2566 ที่โต 16% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ มองการกลับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับ Top pick ยังคง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP โดยจุดเด่นมาจากการแย่ง market share และ backlog รอโอนสูงกว่ากลุ่ม ทำให้คาดกำไรสุทธิ 2565 เป็น new high ปีที่ 3 ต่อกัน
ด้านนายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว AP เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยอดโอนกรรมสิทธ์ และยอดขาย (Presale) เฉพาะโครงการแนวราบในปี 2565 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ 38,000 ล้านบาท (เป้ายอดขายและยอดโอนเท่ากัน) ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมโครงการร่วมทุนมูลค่า 41,320 ล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการแนวราบ 22,259 ล้านบาท จะรับรู้ทั้งหมดปีนี้ และ Backlog จากโครงการคอนโดมิเนียม (รวมโครงการร่วมทุน) 19,060 ล้านบาท จะรับรู้ปีนี้ประมาณ 8,400 ล้านบาท