TEAMG บวก 6% แย้มบุ๊กรายได้ ผลิตน้ำประปารพ.นครสวรรค์ ส.ค.-ก.ย.นี้
TEAMG บวก 6% ลั่นส.ค.-ก.ย.นี้ บุ๊กรายได้ ผลิตน้ำประปารพ.นครสวรรค์ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10% โชว์แบ็กล็อกแน่น 4,000 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ปีนี้กว่า 30%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(4ส.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ณ เวลา 14:58 น. อยู่ที่ระดับ 6.50 บาท บวก 0.40 บาท ราคาสูงสุด 6.65 บาท ราคาต่ำสุด 6.15 บาท หรือ 6.56% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 96.81 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้น.ส.นวลแพร ภัทรมัย ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน และสื่อสารองค์การและนักลงทุนสัมพันธ์ TEAMG เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2565 ในทุกภาคส่วนต่าง ๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 2565 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการติดตั้งและดำเนินการระบบผลิตน้ำประปา เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (แห่งใหม่) อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งบริษัทจะมีรายได้ตลอดอายุสัมปทาน 25 ปี มูลค่าประมาณ 245 ล้านบาท โดยโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมจะศึกษาขยายไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ในต่างจังหวัดเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ รวมไปถึงจะมีรายได้จากโครงการอื่นที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นฐานสร้างรายได้ประจำที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) เข้ามาเสริม และยังคงเป้าหมายมุ่งขยายสัดส่วนรายได้ประจำให้ได้ 50% ภายในปี 2568 ตามแผนที่วางไว้
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้ 1,758 ล้านบาท แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ส่วนรายได้จากงานต่างประเทศ โดยเฉพาะ สปป.ลาวจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2564 มาอยู่ที่ 7 – 8% หลังมีการเปิดประเทศมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่ 14% และเชื่อว่าปี 2566 จะกลับมาสู่ระดับเดิม
นอกจากนี้ ในแต่ละปีบริษัทตั้งเป้าหมายหางานใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างน้อยปีละ 2,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทสามารถหางานใหม่ได้แล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% และเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะหางานใหม่เข้ามาเสริมได้อีก 1,000 ล้านบาท หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ภาครัฐเร่งเดินหน้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ โครงการโครงสร้างพื้นฐาน และงานในท่าอากาศยานต่างจังหวัด เป็นต้น ส่วนภาคเอกชนโครงการแนวราบยังขยายตัวได้ดี แต่โครงการแนวสูงยังคงทรงตัว
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานคงค้าง (แบ็กล็อก) มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายในสิ้นปี 2565 อีกประมาณ 30% ขณะที่ความคืบหน้าการเข้าควบรวม หรือ ซื้อกิจการ (M&A) เกี่ยวกับธุรกิจนวัตกรรม และเทคโนโลยี ยังคงมีการเจรจาต่อเนื่อง หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากมีบางโครงการที่ชะลอ และเบิกเงินได้ล่าช้า โดยกำหนดประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติงบการเงิน และประกาศงบฯ ในวันที่ 10 ส.ค. 2565 นี้