KCE ร่วง 7% นำกลุ่ม “อิเล็กทรอนิกส์” หลังกำไร Q2 หด 7% เหลือ 572 ล้านบาท
KCE ร่วง 7% นำกลุ่ม “อิเล็กทรอนิกส์” หลังกำไรไตรมาส 2/65 ลดลง 7% เหลือ 572 ล้านบาท จากปีก่อน 618 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดการณ์ พร้อมแนวโน้มนักวิเคราะห์จะปรับประมาณการกำไรปี 65 ลง จากมาร์จิ้นที่ไม่ฟื้นตามคาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ส.ค. 65) ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 10:15 น. อยู่ที่ระดับ 58.00 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 7.20% สูงสุดที่ระดับ 58.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 57.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 883.26 ล้านบาท โดยปรับตัวลงนำหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 43.50 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 4.92% สูงสุดที่ระดับ 45.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 43.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225.26 ล้านบาท
รวมถึง บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 528.00 บาท ลบไป 10.00บาท หรือลงไป 1.86% สูงสุดที่ระดับ 534.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 522.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 462.71 ล้านบาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า KCE รายงานกำไรไตรมาส 2/65 เหลือเพียง 572 ล้านบาท ลดลง 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 617.84 ล้านบาท และลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้ามีกำไรสุทธิ 589.77 ล้านบาท โดยกำไรจาก Fx ราว 9.5 ล้านบาท และขาดทุนจากเงินลงทุนราว 39 ล้านบาท ดังนั้นกำไรปกติจะอยู่ที่ราว 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน
1.รายได้ในรูปเงิน USD อยู่ที่ 136 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.2% จากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้น YoY จาก Product Mix ที่เป็น Special grade เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องด้วยไตรมาส 2 เป็นช่วงหยุดยาวและ ปัญหาการขาดตู้คอนแทนเนอร์ยังคงอยู่ ทำให้บริษัทมีการเลื่อนส่งสินค้า
2.Margin อยู่ที่ 22.8% ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างมากทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น และราคาวัสดุสิ้นเปลืองปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จะมีการปรับประมาณการใหม่หลังจากมีการประชุมนักวิเคราะห์ในวัน 10 ส.ค. 65 ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับประมาณการกำไรปี 65 ลง จาก Margin ที่ไม่ฟื้นตามคาด ซึ่งประเมิน Margin ทั้งปีไว้ที่ 29% แต่ครึ่งปีแรก Margin บริษัทยังไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ตามที่คาดไว้ โดยจะประเมินแนวโน้มในครึ่งปีหลังใหม่อีกครั้งหลังจากประชุมนักวิเคราะห์