IND ร่วง 8% คาด “เซลออนแฟคท์” หลังครึ่งแรกปี 65 พลิกกำไร 17 ลบ.
IND ร่วง 8% มาที่ 1.83 บ. คาด “เซลออนแฟคท์” หลังรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 พลิกกำไร 3.44 ลบ. ส่วน 6 เดือนแรกพลิกกำไร 17 ลบ. ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20-25% หลังอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ส.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND ล่าสุด ณ เวลา 11:51 น. อยู่ที่ระดับ 1.83 บาท ลบ 0.17 บาท หรือ 8.50% สูงสุดที่ระดับ 1.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.76 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 14.18 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น IND ปรับตัวลง คาดว่านักลงทุนขายทำกำไร หลังรายงานผลการเนินงานไตรมาส 2/65 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.65 พลิกมีกำไร ดังนี้
โดย ดร.พรลภัส ณ ลำพูน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IND เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ของบริษัทฯ ว่ามีกำไรสุทธิ 17.18 ล้านบาท 34.22 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 17.04 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการให้บริการจำนวน 275 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 127.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 86.67 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 147.32 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินครึ่งปีแรกของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น ออกแบบพร้อมก่อสร้าง – ระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา , ออกแบบและก่อสร้างโครงการเปลี่ยนแปลงแนวท่อขนส่งน้ำมันในพื้นที่ซับซ้อน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ช่วงพญาไท – บางซื่อ – หมู่บ้านกลางกรุง
รวมถึงได้รับงานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายเอียดเพิ่ม 6 โครงการ โดยโครงการที่มีมูลค่างานมากกว่า 18 ล้านบาท มีจำนวน 2 โครงการ อาทิเช่น งานสัญญาจ้างวิศวกรที่ปรึกษา สำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร อุดรธานี-บึงกาฬ และงานสัญญาจ้างวิศวกรที่ปรึกษา สำรวจและออกแบบ และบูรณะสะพาน บนทางหลวงหมายเลข 4 ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3-4/65 ของบริษัทฯ เชื่อว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรมก่อสร้างของภาครัฐที่มีแนวโน้มฟื้นตัวที่จากการเร่งรัดให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสเข้าร่วมประมูล โครงการออกแบบและก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ และยังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,403.10 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ทำให้มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 20-25%
“ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาถือว่าเติบโตตามที่ตั้งเป้าไว้ และเชื่อว่าทั้งปีจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีงานโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ จากภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะหนุนให้บริษัทฯ ทยอยรับงานใหม่ๆ เพิ่ม โดยยังมีโปรเจคในอนาคตอีกมากมายที่บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลและมีโอกาสได้งาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต และผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ” ดร.พรลภัสกล่าว