PSG พุ่ง 11% โบรกแนะ “ซื้อ” ชี้กำไรปี 65-66 เร่งตัวสูง ชูเป้า 2.06 บาท
PSG วิ่งต่อ 11% ฟาก “ดีบีเอส” แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 2.06 บาท มองแนวโน้มกำไรปี 65-66 เร่งตัวสูงขึ้นเทียบกับปีก่อนมีผลขาดทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ส.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSG ณ เวลา 15:02 น. อยู่ที่ระดับ 1.40 บาท สูงสุดที่ระดับ 1.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.24 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 473.44 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ PSG ว่า บริษัทมีโครงการที่ใหญ่ในมือ ได้แก่ งานก่อสร้างโครงการ XPPL Expansion Phase 1 เป็นงานขยายกำลังการผลิตถ่านหินจากขนาด 2.94 ล้านตันเป็น 15 ล้านตัน ที่สปป.ลาว โดยรับมาตั้งแต่ต้นปี 65 ที่มูลค่า 264 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8,895 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 32 เดือน
ทั้งนี้ เมื่อรับรู้โครงการข้างต้น กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 สูงเป็น 268 ล้านบาท ฟื้นตัวขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ที่ลดลง 16 ล้านบาท และลดลง 19 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ในงวดไตรมาส 2/65 บริษัทบันทึกรายได้จากการก่อสร้างสูงเป็น 471 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน ที่ 3 ล้านบาท และ 5 ล้านบาท ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) อยู่ในเกณฑ์สูงมากเป็น 57%
พร้อมกันนี้ คาดว่าการรับรู้รายได้จะยิ่งสูงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากปกติโครงการก่อสร้างจะมีลักษณะเป็น S-Curve และหากพิจารณาระยะเวลาก่อสร้าง หากเริ่มตั้งแต่ เม.ย.65 ก็คาดว่าจะไปแล้วเสร็จราว พ.ย.67 หรือใช้เวลาประมาณ 32 เดือน ซึ่งค่าเฉลี่ยรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ราว 834 ล้านบาท แต่ในงวดไตรมาส 2/65 ที่เริ่มรับรู้รายได้ ยังบันทึกรายได้ไม่มากคือ 471 ล้านบาท จึงคาดว่าในงวดปี 66 จะมีการบันทึกรายได้เป็นจำนวนมากที่ 3.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนกลางของ S-Curve และมีการรับรู้รายได้ในเกณฑ์สูงในช่วงระยะเวลานั้น
อีกทั้งคาดว่ากำไรจะเร่งตัวดีขึ้นมากในปี 65 และปี 66 ตามประมาณการแล้วคาดว่ากำไรปี 65 สูงเป็น 785 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนขาดทุน 63 ล้านบาท และปี 66 ทะยานเป็น 1.9 พันล้านบาท ทั้งนี้สมมุติฐานอัตรากำไรยังให้อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวที่ 57% แต่คาดว่าอาจจะมีส่วนเพิ่ม (Upside Risk) ได้ เพราะมีโอกาสจะได้ประโยชน์จาก Economy of Scale ในช่วงที่มีการรับรู้รายได้มากในปี 66 และปี 67
โดยแนะนำ “ซื้อ” ในลักษณะการซื้อเก็งกำไร (Trading) ทั้งนี้ PEG (PE Per Growth) สำหรับปี 66 ซื้อขายในปัจจุบันเป็นเพียง 0.3 เท่า หากสมมุติให้ราคาพื้นฐานซื้อขายที่ PEG คือ 0.5 เท่า จะได้ราคาพื้นฐานสำหรับปี 66 ที่ 2.06 บาท ซึ่งถือว่าราคาปีดยังมีส่วนเพิ่มได้อีกมาก แต่ P/E ก็ถือว่าสูงมากเป็น 71 เท่า สืบเนื่องมาจากบริษัทมีจำนวนหุ้นที่มากถึง 64,992.4 ล้านหุ้น จากการปรับโครงสร้างบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ไม่เหมาะต่อการซื้อเพื่อลงทุน นอกจากนั้นบริษัทยังสนใจธุรกิจการรับถ่านหินมาจำหน่าย และรุกตลาดการก่อสร้างในเขต CLMV ในอนาคตอีกด้วย