OR เด้ง 2% ลุ้นครึ่งหลังโต รับดีมานด์ “น้ำมัน” เพิ่ม หลังท่องเที่ยวฟื้น
OR บวก 2% คาดผลงานครึ่งปีหลังโตตามท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว หนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรอีกหลายราย เพื่อลงทุนทั้งในส่วนของ JV และ M&A
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ส.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ณ เวลา 12:01 น. อยู่ที่ระดับ 27 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.89% สูงสุดที่ระดับ 27 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619.86 ล้านบาท
นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ OR เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Mobility ได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศทำให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่งผลดีต่อปริมาณการขายน้ำมันสูงขึ้นตามการเดินทางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet) เพิ่มขึ้นด้วย
ประกอบกับ ราคาก๊าซธรรมชาติ (LNG) ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีความต้องการน้ำมันจากฝั่งลูกค้าในกลุ่มโรงไฟฟ้าเข้ามามากขึ้น และราคาน้ำมันดิบดูไบก็ยังยืนในระดับสูง โดยกลุ่ม ปตท.ประเมินราคาน้ำมันทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 102.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อน 69.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และในปี 66 คาดว่าจะปรับตัวลงไปที่ 93.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ภายใต้ OR แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยบ้าง แต่ครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตต่อเนื่องหลังจากรับรู้ต้นทุนหลายด้านไปในไตรมาส 2/65 แล้ว และไตรมาส 3/65 อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ยอดขายจากสาขาทุกแห่ง และการขยายสาขาใหม่ก็ช่วยให้ OR เติบโต ซึ่งคาดว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Ebitda Margin) จะอยู่ในระดับที่ดี
สำหรับธุรกิจในต่างประเทศ ยังเติบโตต่อเนื่องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของแต่ละประเทศ ยกเว้นประเทศลาวที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจภายใน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับเป้าหมายการขยายสถานีบริการน้ำมันและสาขาร้านในเครือ โดยในส่วนของสถานีบริการน้ำมันปีนี้จะลดลงเป็น 117 แห่ง จากเดิม 129 แห่ง ส่วนศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto คงไว้ที่ 13 แห่ง, การติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Station PluZ) คงไว้ 450 แห่งทั่วประเทศ โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 116 แห่ง มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการติดตั้งได้ตามเป้า
ส่วนการขยายสาขา Cafe Amazon ในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 415 สาขา จากเดิม 389 สาขา, แต่จะปรับลดการขยายสาขาร้าน TEXAS Chicken ลงเป็น 10 สาขา จากเดิม 20 สาขา ด้านต่างประเทศยังคงเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันที่ 73 แห่ง แต่ลดการขยายร้าน Cafe Amazon ลงเป็น 119 สาขา จากเดิม 129 สาขา
โดย ณ 30 มิ.ย.65 บริษัทมีจำนวนสถานีริการน้ำมันทั้งในและต่างประเทศรวม 2,473 แห่ง เป็นในประเทศไทย จำนวน 2,100 แห่ง และต่างประเทศ 373 แห่ง สำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Station PluZ) ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมันปัจจุบันมีอยู่ 116 แห่ง, ร้าน Café Amazon ทั้งในและต่างประเทศรวม 4,051 สาขา เป็นในประเทศ 3,707 สาขา และต่างประเทศ 344 สาขา ขณะที่ร้าน Jiffy และร้านสะดวกซื้อ 7-11 รวม 2,183 สาขา
ด้านการลงทุนอื่นๆ ในครึ่งปีหลัง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกหลายราย เพื่อลงทุนทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน (JV) ในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในครึ่งปีหลังนี้