GUNKUL บวก 4% ปักธงเป้าอีบิทด้าปีนี้โต 25-35% แตะ 6 พันลบ. ธุรกิจหลัก-ร่วมมือพันธมิตรหนุน
GUNKUL บวก 4% ปักธงเป้า "อีบิทด้า" ปีนี้โต 25-35% แตะ 6 พันลบ. ธุรกิจหลัก-ร่วมมือพันธมิตรหนุน พร้อมควง GULF ลุยคว้าโรงไฟฟ้าลมในประเทศ 500 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(1ก.ย.65) ราคาหุ้นบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ณ เวลา 11:02 น. อยู่ที่ระดับ 5.20 บาท บวก 0.22 บาท หรือ 4.42% ราคาสูงสุด 5.25 บาท ราคาต่ำสุด 5.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 419.36 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทยังคงวางเป้ารายได้ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง โดยในส่วนของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) คาดว่าจะเติบโต 25-35% จากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 5 พันล้านบาท หากเติบโตตามเป้าหมายคาดว่าจะได้เห็น EBITDA ปีนี้แตะ 6 พันล้านบาท
โดยการเติบโตจะมาจากธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจ Hight Voltage Equipment ในเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า จะบันทึกรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท, ธุรกิจ EPC Business ตั้งเป้าบันทึกรายได้ 2,500-3,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีแผนจะ Spin-off Construction Business สำหรับการเติบโต ซึ่งมีแผนจะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566, ธุรกิจ Energy Business ตั้งเป้า Expand 100-150 เมกะวัตต์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมีการออก Innovative โปรดักส์ธุรกิจกัญชงกัญชา มองว่า จะเป็น New s-curve โดยตั้งเป้ารายได้มากกว่า 1,500 ล้านบาท และการร่วมธุรกิจ หรือ JV ร่วมกับพันธมิตรที่จะมีรายได้เสริมเข้ามามากขึ้น
ทั้งนี้ภายหลังจากที่บริษัทลงนามสัญญาความร่วมมือในการลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ ทั้ง พลังงานลมและโซลาร์ โดยในส่วนของโครงการพลังงานลมในประเทศ คาดว่าภาครัฐจะเปิดประมูลรวม 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทคาดหวังที่จะได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ไว้ที่ 500 เมกะวัตต์ ในระยะเวลา 5 ปี โดยบริษัทได้เตรียมพื้นที่รองรับโครงการไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะเดียวกันเมื่อคำนวณจากโครงการพลังงานที่ 500 เมกะวัตต์ในช่วง 5 ปี จะทำให้มีงานก่อสร้าง EPC ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท จะสามารถเข้ามาทดแทนรายได้ในส่วนที่หายไปได้
นอกจากนี้ หลังนายกรัฐมนตรีร่วม COP26 ที่เน้นการส่งเสริมพลังงานทดแทนมากขึ้นนั้น รัฐจะต้องเป็นผู้นำในการส่งเสริมการใช้โซลาร์ โดยเฉพาะกลุ่มราชการ โรงพยาบาลและโรงเรียนใน 4-5 ปีข้างหน้า บริษัทคาดหวังคว้าโครงการลม 500 เมกะวัตต์ และโซลาร์ขั้นต่ำ 500 เมกะวัตต์ หรือรวม 1,000 เมกะวัตต์ ใน 4-5 ปีข้างหน้า
สำหรับเงินลงทุนในปี 2565-2567 บริษัทตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท โดยจะใช้ในการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าทุกประเภท 17,000 ล้านบาท ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 400-500 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือจะใช้ในธุรกิจกัญชง-กัญชา 2,000 ล้านบาท และใช้สำหรับธุรกิจ Innovation อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท