HPT แรลลี่ 3 วันพุ่ง 52% ลุ้นปีนี้โตแกร่ง รับออเดอร์ทะลัก ดันแบ็กล็อกนิวไฮ 184 ล้าน
HPT แรลลี่ 3 วันพุ่ง 52% ลุ้นผลงานปีนี้โตแกร่ง รับออเดอร์ทะลัก ดันแบ็กล็อกนิวไฮ 184 ล้าน กลางปีหน้าลุยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30-50%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.ย.65) ราคาหุ้น บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ณ เวลา 11:45 น. อยู่ที่ระดับ 1.35 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 4.65% สูงสุดที่ระดับ 1.46 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.24 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 580.55 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและร้อนแรงจนซิลลิ่ง34 วันทำการ ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.65 อยู่ที่ระดับ 0.89 บาท จนถึงปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแล้ว 52%
นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด HPT เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ณ เดือนสิงหาคม 2565 บริษัทมีคำสั่งซื้อที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) รวม 184 ล้านบาท ซึ่งเป็นแบ็กล็อกที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) อย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าแบ็กล็อกช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2562 ที่บริษัทมีแบ็กล็อกประมาณ 40-50 ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทมีแบ็กล็อกอยู่ในระดับสูงดังกล่าว เป็นเพราะช่วง 1-2 ปีที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทได้ร่วมกับลูกค้าหลายรายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และวางจำหน่ายหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงพอดี ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มีการเปิดประเทศ ยกเลิกล็อกดาวน์ ส่งผลให้ร้านอาหารและโรงแรมมีการจัดเลี้ยง จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา ทำให้มีความต้องการสินค้าของ HPT มากขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถรักษาแบ็กล็อกให้อยู่ในระดับสูงเช่นนี้ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะลักษณะสินค้าของบริษัทที่เป็นจาน-ชามเซรามิก จะใช้ในโรงแรมและร้านอาหารที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ คือแต่ละร้านจะใช้จาน-ชามแบบเดียวกัน ดังนั้นโรงแรมและร้านอาหารต้องเติมสต๊อกตลอดเวลาจึงต้องมีการสั่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง
นางสาวนิจวรรณ กล่าวอีกว่า จากแบ็กล็อกดังกล่าว ส่งผลให้กำลังการผลิตของบริษัทเต็ม 100% ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยบริษัทจะรับรู้รายได้ตามรอบสินค้าที่นำส่งให้ลูกค้า ดังนั้นจะมีส่วนช่วยหนุนผลประกอบการในปี 2566 ด้วย
นอกจากนี้ช่วงกลางปี 2566 ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30-50% ด้วยการต่อเติมเครื่องจักรเดิม ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ดีกว่าการสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยการเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าวมาจากเหตุที่แบ็กล็อกมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายบริหารของบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเรื่องงบลงทุน
ทั้งนี้ปัจจุบันรายได้จากการขายแบ่งเป็นสัดส่วนจาก HPT 71% ซึ่งเป็นการส่งออกทั้งหมด โดยมีลูกค้าหลัก คือทวีบยุโรป ซึ่งมีหลายประเทศ เช่น สเปน เยอรมนี นอร์เวย์ รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย สัดส่วนจากบริษัทย่อย คือ บริษัท เซ็นทรัล ฮอสพิแทลลิที จำกัด (CHL) 25% โดยเป็นการจำหน่ายสินค้าในประเทศ และปีนี้ประเมินว่ายอดขายจาก CHL จะเติบโตประมาณ 40-50% จากปีก่อน ส่วนอีก 4% เป็นรายได้อื่น ๆ