HL บวก 5% ลุ้น Q3 โตต่อ ลุยเปิดสาขาเพิ่ม 8 แห่ง-ออกสินค้าใหม่
HL บวก 5% ลุ้น Q3/65 โตต่อ ลุยเปิดสาขาเพิ่มอีก 8 แห่ง-ออกสินค้าใหม่ วางเป้าปีนี้รายได้โตเกิน 20% จากปีก่อน 1,216 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(12 ก.ย.65) บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL ณ เวลา 10:31 น. อยู่ที่ระดับ 27.00 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.85% ราคาสูงสุด 28.00 บาท ราคาต่ำสุด 26.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 70.84 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 557 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32ล้านบาท
“ผลประกอบการในไตรมาส 2/65 ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภทสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ สนับสนุนยอดขายทั้งจากสาขาเดิมและสาขาใหม่เติบโตได้ดี ขณะที่บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความสามารถของอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 23.54% สูงกว่า 22.27% ของงวดเดียวกันปีก่อน” ภก.ธัชพล กล่าว
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากรายได้ทุกประเภทปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ รายได้จากการขายสินค้าบริโภค, รายได้จากการขายอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ในบ้าน, รายได้จากการขายสินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกาย และรายได้จากการขายยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มให้ความใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภทสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ ประกอบกับในไตรมาส 2/65 บริษัทฯได้เปิดร้านขายยาเพิ่ม 1 สาขา ได้แก่ iCare สาขาลาซาล ส่งผลให้มียอดขายจากสาขาใหม่เข้ามาสนับสนุนการเติบโต
บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,216 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากรายได้ 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 740 ล้านบาท คิดเป็นเติบโต 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดการณ์ว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลังน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุ ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเจาะกลุ่มตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ PRIME และ BESUTO มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่อีก 8 สาขาในพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
ปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านขายยารวมทั้งสิ้น 28 สาขา ประกอบไปด้วย แบรนด์ Pharmax จำนวน 13 สาขา, iCare จำนวน 11 สาขา, Vitaminclub จำนวน 3 สาขาและ Super Drug จำนวน 1 สาขา และมีสินค้าที่จัดจำหน่ายรวมกว่า 10,000 รายการ