SAK บวกแรง 8% ลุ้นครึ่งหลังโตต่อ มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปีนี้เข้าเป้า 1.13 หมื่นล้าน
SAK บวกแรง 8% ลุ้นครึ่งหลังโตต่อ มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปีนี้เข้าเป้า 1.13 หมื่นล้าน รายได้กลุ่มเกษตร-สินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์พุ่ง เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 38 สาขา จากแผนการขยายสาขา 209 แห่ง ในปี 65 แนะซื้อเป้าสูง 9.90 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(12 ก.ย.65) บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ณ เวลา 11:05 น. อยู่ที่ระดับ 7.70 บาท บวก 0.55 บาท หรือ 7.69% ราคาสูงสุด 7.80 บาท ราคาต่ำสุด 7.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 61.05 ล้านบาท
ด้านโบรกเกอร์ต่างๆ แนะนำ “ซื้อ” SAK จากแนวโน้มผลงานในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการใช้สินเชื่อในครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง จากรายได้กลุ่มเกษตรปรับตัวดีขึ้น ช่วยหนุนความสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์ดีต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังหนุนต่อการกลับมาชำระหนี้ที่ดีขึ้น ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น หนุนผลงานในครึ่งปีหลังของบริษัท แม้สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในช่วงครึ่งปีหลังอาจปรับขึ้นเล็กน้อย จากการหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ แต่ไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ
โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SAK ในครึ่งปีหลังยังคงได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัรของรายได้กลุ่มลูกค้าเกษตร ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซด์ยังคงเห็นการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังนี้ประกอบกับกลุ่มลูกค้าต่างเริ่มกลับมาชำระหนี้มากขึ้นทำให้บริษัทกลับมามีรายได้จากดอกเบี้ยสูงขึ้น หนุนต่อกำไรในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะโตกว่าครึ่งปีแรก
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงลูกค้าในหลากหลายพื้นที่ และช่วยให้สามารถสร้างโอกาสในการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นไม่กระทบต่อต้นทุนของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เพราะบริษัทได้มีการท็อกต้นทุนทางการเงินไว้แล้ว และอัตราดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้ยังมีส่วนต่างที่บริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี โดยยังให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท/หุ้น
ด้านบล.กสิกรไทย คาดผลการดำเนินงานของ SAK ในช่วงครึ่งปีหลังยังเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากสินเชื่อที่ยังเห็นการการขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ประกอบกับกลุ่มลูกค้าที่ใช้สินเชื่อของ SAK ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าเกษตร มีรายได้กลับมาเพิ้มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมีการขยายสาขาใหม่เพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่สามารถกลับมาจากการกลับมาเปิดเมือง และกลับมาทำงานประกอบอาชีพได้ ทำให้สามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้ ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยกลับมาเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องติดตามแนวโน้มของ NPL จะมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างไร เพราะหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อาจจะยังมีลูกหนี้บางรายไม่สามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้ทำให้ NPL อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2/65 ที่ 2.5% แต่ยังเป็นระดับที่ไม่ส่งผลกดดันต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และยังให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท/หุ้น
ส่วนบล.ทิสโก้ มองการเติบโตสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังของ SAK ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และรายได้ภาคเกษตรทื่สูงขึ้น หนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และมีการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อมอเตอร์ไซด์เพิ่มขึ้นอีกทั้งบริษัทยังมีการรุกขยายสาขาเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ต่อเนื่อง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในการปล่อนสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว และการที่รายได้ภาคการเกศตนปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ลูกหนี้ของบริษัทสามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้ ซึ่งช่วยหนุนรายได้จากดอกเบี้ยให้ปรับเพิ่มขึ้น และส่งผลหนุนต่อกำไรของบริษัท โดยให้คำแนะนำ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.90 บาท/หุ้น
ด้านนายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการ SAK กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 มีสัญญาเพิ่มขึ้น 18,108 สัญญา ผลักดันให้พอร์ตสินเชื่อรวมครึ่งปีแรกอยู่ที่ 9,773 ล้านบาท เติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2565 อยู่ 167.1 ล้านบาท เติบโต 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถบริหารควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
ส่วนแผนธุรกิจครึ่งปีหลังยังคงปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม เพื่อบริหารความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพลูกหนี้ มีแผนเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 38 สาขา จากแผนการขยายสาขา 209 แห่งในปี 2565 หรือรวมทั้งสิ้น 929 สาขาด้วย
“SAK มั่นใจว่าแผนขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีหลังนี้ การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพโดยต้นทุนต่อรายได้ลดลงต่อเนื่องจากการขยายสาขาน้อยกว่าในช่วงครึ่งปีแรก มั่นใจว่าปีนี้จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีได้ตามเป้าหมายแตะกว่า 11,300 ล้านบาท” นายศิวพงศ์ กล่าว