เปิดโผ “หุ้นได้-เสีย” ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น

คัดหุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ชูแบงก์ใหญ่รับอานิสงส์สุด อาทิ BBL, KTB, KBANK, SCB พ่วงกลุ่มมีเงินสดแกร่ง-หนี้ต่ำ ได้แก่ ONEE, BEC, SAT,IIG, BBIK,KCE,HANA แนะเลี่ยงเสียประโยชน์กลุ่มอสังหาฯ-โรงไฟฟ้า


บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(14 ก.ย.65) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐออกมาสูงกว่าคาดกดดันให้ Fed จะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 1.00% จากเดิมที่คาด 0.75% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) ปิดที่ 31,104.97 จุด ลบ 1,276.37 จุด หรือลดลง 3.94% อ่อนตัวแรงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 63 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1%

โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% ในการประชุมเดือนนี้จากเดิมที่คาดว่าจะขึ้นที่ 0.75%

จากประเด็นดังกล่าวบล.ดาโอจึงทำการสำรวจหุ้นที่ได้-เสียประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่จะเกิดขึ้น ทำให้มองว่ามีโอกาสสูงมากที่ กนง. จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในไทยขึ้นในการประชุมวันที่ 28 ก.ย.65 ที่ 0.25% และคาดว่าการประชุมรอบหน้าวันที่ 30 พ.ย.65 จะขึ้นอีก 0.25% ทำให้ปี 65 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.25%

ขณะที่ปี 66 คาดว่าจะมีการขึ้นอีก 0.25% อีก 3 ครั้ง ในช่วงครึ่งแรกปี 66  ทำให้ปี 65 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 2.00% โดยได้คัดเลือกอุตสาหกรรมและรายชื่อหุ้นที่จะได้รับประโยชน์แล้วเสียประโยชน์ดังนี้

กลุ่มและหุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ กลุ่มแบงก์ อาทิ BBL, KTB, KBANK, SCB  และ 2. กลุ่มบริษัทที่มีเงินสดแกร่งและหนี้ต่ำอาทิ ONEE, BEC, SAT,IIG, BBIK,KCE,HANA 

ด้านหุ้นที่เสียประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ 1.ไฟแนนซ์ อาทิ AEONTS, TIDLOR, MTC, THANI, SAWAD, KTC ,2.แบงก์ขนาดเล็ก อาทิ TISCO, KKP ,3.ค้าปลีก อาทิ CPALL, MAKRO ,4.วัสดุก่อสร้าง อาทิ DOHOME, GLOBAL ,5.ค้าปลีกไอที อาทิ COM7, SYNEX, SIS ,6.อสังหาริมทรัพย์  อาทิ LPN, PSH ,7.โรงไฟฟ้า อาทิ GULF, BGRIM, GPSC  และ 8.กลุ่มบริษัทมีหนี้สูง อาทิ BAFS

Back to top button