7 หุ้นโรงไฟฟ้าร่วง! วิตกศาลฯ รับคำร้องแผน PDP ส่อขัดรัฐธรรมนูญ หวั่นเปิดประมูลล่าช้า
GUNKUL-GULF-GPSC-RATCH-EA-EGCO-BGRIM 7 หุ้นโรงไฟฟ้าร่วง! หลังศาลรัฐธรรมนูธ รับคำร้องแผน PDP ลดสัดส่วนผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 51% ของกำลังการผลิตตามแผน กังวลว่าปัจจัยบวกจากการเปิดประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ตามแผน PDP อาจล่าช้าออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.ย. 65) หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแผน PDP ทำให้ราคากลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลง ล่าสุด ณ เวลา 11:45 น. นำโดย บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.35 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 4.46% สูงสุดที่ระดับ 5.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 563.98 ล้านบาท
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 54.75 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 0.90% สูงสุดที่ระดับ 55.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 54.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 846.22 ล้านบาท
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 67.75 บาท ลบ 1.25 บาท หรือ 1.81% สูงสุดที่ระดับ 69.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 67.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 368.21 ล้านบาท
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 175.50 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 0.85% สูงสุดที่ระดับ 178.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 175.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 171.91 ล้านบาท
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 42.25 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 0.75% สูงสุดที่ระดับ 43.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 42.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195.28 ล้านบาท
บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 89.25 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ 1.11% สูงสุดที่ระดับ 90.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 88.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 991.93 ล้านบาท
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 36.75 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ 2.65% สูงสุดที่ระดับ 37.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 374.79 ล้านบาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (15 ก.ย.65) โดยทางฝ่ายวิจัยมองเชิงลบกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 51 ว่า กระทรวงพลังงานกำหนดยุทธศาสตร์กระทรวงพลังงาน (พ.ศ.2559-2563) และแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) พ.ศ.2561-2580 ทำให้สัดส่วนกำลังของรัฐลดลงต่ำกว่า 51% เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ สร้างความเสี่ยงทำให้แผนล่าช้า จิตวิทยาลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะ GULF และ GUNKUL ที่รอปัจจัยบวกดังกล่าว เชิงกลยุทธ์หุ้นในกลุ่มไม่คาดหวังปัจจัยบวกต่อแผน PDP แต่ปรับลงตามกลุ่มและพื้นฐานแกร่ง อาทิ GPSC ให้หาจังหวะสะสม
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องคดีเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 51 ว่า กระทรวงพลังงานกำหนดยุทธศาสตร์กระทรวงพลังงานปี 2559-2563 และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยปี พ.ศ. 2561-2580 (ค.ศ. 2018-2037) ทำให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของรัฐลดลงต่ำกว่าร้อยละ 51 เป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 56 วรรคสอง ประกอบมาตรา 3 วรรคสอง หรือไม่ โดยให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ได้รับสำเนาคำร้อง
โดยมอง slightly negative เชิง sentiment ต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าในประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง PDP ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะ 1) ตลาดอาจกังวลว่าปัจจัยบวกจากการเปิดประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ตามแผน PDP อาจล่าช้าออกไป และ 2) อาจขาดปัจจัยบวกในระยะยาวของอุตสาหกรรม หากศาลฯตัดสินว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า เป็นโครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภค ซึ่งจะทำให้ EGAT ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีกมาก คาดอย่างน้อยราว 22,471 MW อิงสมมติฐานให้กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 51% ของกำลังการผลิตตามแผน PDP2018 rev1 ณ 2037 ที่ราว 77,211 MW Vs. กำลังการผลิต ณ ก.ค. 22 ของ EGAT ที่ 16,906 MW) ซึ่งแม้จะเอากำลังการผลิตใหม่ตามร่าง PDP ที่อยู่ระหว่างรอประกาศบังคับใช้ ที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตใหม่รวม 15,643 MW ให้ EGAT ทั้งหมด มองก็ยังไม่สามารถทำให้ถึงกรอบ 51% ได้
ทั้งนี้มอง GULF และ GUNKUL ที่ตลาดให้ความคาดหวังต่อการเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการเปิดประมูลโครงการตามแผน PDP ใหม่ และราคาเพิ่มขึ้นนับแต่ต้นเดือน ก.ย. 22 ราว 9% ถึง 14% อาจมีแรงกดดัน อย่างไรก็ตามประมาณการไม่มีผลกระทบเนื่องจากไม่ได้รวมกำลังการผลิตใหม่ที่มาจากการเปิดประมูลตามแผน PDP ไว้
ขณะที่ นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA เปิดเผยผ่านข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ โดยจากกรณีการยืนฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อแผน PDP ปี 2561-2580 เนื่องจากรัฐยังมีสัดส่วนการถือหุ้นผ่าน EGAT โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน RATCH และ EGCO ดังนั้นรัฐยังมีสัดส่วนเกิน 50% จึงน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ร้องในประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามจากข่าวดังกล่าวอาจจะเป็น sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าระยะสั้น