CI พุ่งแรง 15% นิวไฮรอบ 4 เดือน ลุ้นครึ่งปีหลังสดใส ธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรมฟื้นแกร่ง
CI พุ่งแรง 15% นิวไฮรอบ 4 เดือน ลุ้นครึ่งปีหลัง 65 สดใส ธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรมฟื้นแกร่ง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจล่าสุด จับมือ “ซิกซ์ เน็ตเวิร์ก” (SIX Network) ขยายสู่เทคโนโลยีบล็อกเชน เสริมแกร่งธุรกิจในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(28ก.ย.65)บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI ณ เวลา 10:18 น. อยู่ที่ระดับ 1.05 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 15.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 65.75 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 4 เดือน โดยเทียบตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ค.65 ยืนที่ระดับ 1.10 บาท ขณะที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่รัดบ 1.25 บาท
โดยนายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ CI เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงที่เหลือของปียังคงเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมของบริษัทที่เห็นการฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลังจากการเปิดประเทศ
ซึ่งปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในเครือ ได้แก่ ศรีพันวา ภูเก็ต BABA Beach นาใต้ และ BANA Beach หัวหิน ปรับเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 45% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับภาพรวมของกลุ่มโรงแรมระดับบนในอุตสาหกรรม และคาดว่าทิศทางในช่วงไตรมาส 4/65 ยังสามารถทรงตัวได้ในระดับดังกล่าวต่อเนื่อง หรืออาจจะเพิ่มขึ้นอีก 5-10% จากปัจจุบัน หลังจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทยในช่วงไตรมาส 4/65
โดยที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวไทยหลังจากการเปิดประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาราเบีย สหรัฐฯอาหรับเอมิเรต เป็นต้น รวมถึงยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เป็นเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาเพิ่มเติม จากการที่เข้าสูช่วงฤดูหนาวในยุโรป และมองว่าเป็นปีที่ยุโรปจะได้รับผลกระทบในเรื่องอากาศที่หนาวมาก จากผลกระทบของสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งคาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น และช่วยหนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ให้เติบโตขึ้น
ขณะเดียวกันการที่ค่าเงินบาทยังเป็นทิศทางอ่อนค่า ส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวที่ได้รับผลดีในเรื่องการที่จะสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น เพราะนักท่องเที่นวต่างชาติมีความสามารถในการจับจ่ายได้มากขึ้น จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และทำให้การมาท่องเที่ยวในประเทศไทยถูกลง ซึ่งจะช่วยหนุนให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว แต่
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในปีนี้ยังคงไม่เห็นภาพการท่องเที่ยวไทยกลับไปไนระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เพราะยังขาดปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่นวชาวจีนที่ยังไม่สามารถเดินทางออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศได้ และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นการจองทริปในช่วงใกล้ๆเดินทางแทนการจองทริปล่วงหน้าระยะยาว เพราะนักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังมีความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนการเปลี่ยนนโยบายการเดินทางเข้าประเทศของแต่ละประเทศ ทำให้ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวยังเป็นการค่อยๆทยอยฟื้นตัวกลับมา
ส่วนธุรกิจการขายที่อยู่อาศัยมีสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบระดับบนที่มีการขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง และคอนโดมิเนียมระดับบน และคอนโดมิเนียมตากอากาศในต่างจังหวัด ยังคงได้รับความสนใจเข้ามาเยี่ยมชมของลูกค้า และสามารถปิดการขายไปได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกลับมา แม้ว่ายังมีปัจจัยความไม่แน่นอนอยู่ แต่ยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายไปได้ 1 พันล้านบาท ส่วนยอดโอนในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดโอนได้สูงกว่าปีก่อนที่ 2.3 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในปีนี้อาจจะยังไม่เห็นกำไรในทันที เพราะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวกลับมาหลังโควิด-19 คลี่คลาย
ด้านการลงทุนของบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ต ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบของการพัฒนาโครงการใหม่ รองรับการเปิดตัวในอนาคต
นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ซิกซ์ เน็ตเวิร์ก จำกัด (SIX Network) ในการเป็นพันธมิตรนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม ซึ่งปัจจุบัน SIX Network มุ่งมั่นที่จะวางรากฐานด้าน Blockchain สำหรับภาคธุรกิจให้แข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่าน “SIX Protocol” เครือข่าย Blockchain พร้อมชุดเครื่องมือที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถสร้างบริการที่รองรับการทำงานบน Blockchain ได้อย่างหลากหลาย สะดวก และปลอดภัย ด้วยการเข้าถือเหรียญ SIX จำนวน 1 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2 ล้านบาท เพื่อเข้าร่วมการใช้เครือข่าย SIX Protocol ต่อสำหรับการต่อยอดธุรกิจ
สำหรับในปี 2565 บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะขยายแพลตฟอร์มการให้บริการด้านการลงทุนผ่านเทคโนโลยี Blockchain โดยใช้จุดแข็งจากโปรดักส์ของบริษัทและบริษัทในเครือที่มีความหลากหลาย ด้วยการสร้าง Digital Asset ใน Blockchain พร้อมเล็งศึกษาการพัฒนาโปรเจกต์ NFT และ Token มาให้บริการแก่ลูกค้าในโลกยุคใหม่ได้ โดยเฉพาะคนกลุ่ม Gen Z ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และการทำธุรกรรมการเงินในระบบดิจิทัล
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ และโอกาสให้กับผู้ใช้งาน และผู้ลงทุนในส่วนของสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมให้เติบโตขึ้น จากการผสานร่วมกันของเทคโนโลยีปัจจุบันเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับสินทรัพย์ได้ ทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปได้ มีความปลอดภัย รวดเร็ว ประหยัด และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดี ซึ่งคาดว่าโปรเจกต์แรกในการออก NFT สำหรับการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ถือ NFT ของ CI ในช่วงไตรมาส 1/2566