PIMO บวก 3% ลุ้นผลงาน Q3 นิวไฮ รับออเดอร์แน่น มั่นใจยอดขายปีนี้เข้าเป้า 1.2 พันล้าน
PIMO บวก 3% ลุ้นผลงานไตรมาส 3/65 นิวไฮ รับออเดอร์แน่น จ่อลุยขยายโรงงาน EV ใหม่ ย้ำเป้าปีนี้ยอดขาย 1,200 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(28ก.ย.65)บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO ณ เวลา 11:22 น. อยู่ที่ระดับ 3.58 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 2.87% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 80.73 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า หรืออาจจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2/2565 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อ (Order) เข้ามายังอยู่ในระดับสูง
ขณะที่บริษัทประเมินว่าอัตราการเดินเครื่องจักรผลิตน่าจะใกล้เคียงกับระดับเดียวกันกับไตรมาส 2/2565 หลังมีเพิ่มกำลังกำลังการผลิตมอเตอร์เครื่องปรับอากาศ และปั๊มน้ำ มอเตอร์ (AC) เป็น 120,000 ลูกต่อเดือน จากเดิม 90,000 ลูกต่อเดือน และภายในปี 2566 มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตกลุ่มมอเตอร์ปั๊มน้ำ (BLDC) เป็น 160 ลูกต่อวัน จากเดิม 120 ลูกต่อวัน และเป็น 240 ลูกต่อวันในอนาคตอันใกล้ เพื่อรองรับออเดอร์ของลูกค้า
สำหรับปี 2565 บริษัทยังคงแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิต ด้วยงบลงทุน 85 ล้านบาท แบ่งเป็น1. ใช้ในอาคารส่วนขยายกำลังการผลิตมอเตอร์ AC เพิ่มกำลังการลิตแผนกแกน และเพิ่มกำลังการผลิตแผนกโรเตอร์, 2. ลงทุนติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เพิ่มเติมตึก BLDC ด้วยงบลงทุน 7.74 ล้านบาท, 3. ลงทุนหุ่นยนต์ Automation และเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ โรบอทหยิบชิ้นงานแผนกฝา 2 ตัว โรบอทหยิบชิ้นงานแผนกแกน 1 ตัว และเครื่องฉีด Rotor Auto 1 เครื่อง และ4. ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมในส่วนของมอเตอร์ AC เช่น เครื่องฉีดอะลูมิเนียม 2 เครื่อง เครื่อง Centerless Auto เจียรแกน 1 เครื่อง เครื่องกลึงเปลือก 1 เครื่อง เครื่องพันลวด 1 เครื่อง และเครื่องมัดเชือก 1 เครื่อง
“จากการเพิ่มกำลังการผลิต และนำระบบออโตเมชันเข้ามา จะช่วยลดต้นทุนค่าแรงที่จะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ ส่วนการสต๊อกวัตถุดิบในการผลิตมีการสำรองเป็นระยะเวลายาวขึ้น 90 วัน จากเดิม 60 วัน เพื่อนลดความเสี่ยงในการขาดแคลนในหลายรายการในอนาคต ขณะที่เรื่องราคาวัตถุดิบในการผลิต ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้วในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายโรงงานแห่งใหม่ รองรับการขยายการผลิตมอเตอร์รถไฟฟ้า (EV) ขนาด 3,800 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยในส่วนตัวอาคารน่าจะใช้งบลงทุน 42 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุน ปัจจุบันได้มีการส่งตัวอย่างให้ลูกค้าทดสอบแล้ว คาดว่าสรุปได้ภายใยเดือน พ.ย. 2565 เมื่อมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2565 บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะมียอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท หลังในช่วง 6 เดือนแรก มียอดขายแล้ว 640 ล้านบาท เป็นไปตามการทยอยรับรู้รายได้จากออเดอร์ที่ส่งมอบแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในอนาคตคาดหวังผลักดันยอดขายให้แตะระดับ 1,400 ล้านบาท และหากโปรเจกต์ EV เดินหน้า มั่นใจว่าจะไม่มีการเพิ่มทุน หรือออกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) เนื่องจากสถาบันการเงินได้มีการเสนอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่บริษัทหลายแห่ง