ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 237 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของภาคเอกชน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (16 พ.ย.) ที่ 17,483.01 จุด พุ่งขึ้น 237.77 จุด หรือ +1.38%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,984.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.74 จุด หรือ +1.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,053.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.15 จุด หรือ +1.49%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดในแดนลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีสซึ่งคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมาก และจากความวิตกกังวลที่กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่ม IS ในซีเรียว่า ประเทศเหล่านี้จะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับฝรั่งเศส

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ตลาดดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกและสามารถปิดตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของภาคเอกชน

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นปิดพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.58% และหุ้นเชฟรอนทะยานขึ้น 4.38% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ไม่ได้เทขายหุ้นหลังจากที่เกิดเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินและหุ้นกลุ่มธุรกิจเดินทางทางเรือ ต่างก็ปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า เหตุวินาศกรรมในปารีสอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.43% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ดิ่งลง 1.22% และหุ้นเดลตา แอร์ไลน ร่วงลง 2.16% ส่วนหุ้นในกลุ่มธุรกิจทางเรือนั้น หุ้นคาร์นิวัล ร่วงลง 1.53% และหุ้นเอ็กซ์พีเดีย ปรับตัวลง 2.13%

หุ้นสตาร์วูด โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิล์ดไวด์ ร่วงลง 3.63% หลังจากมีรายงาว่า แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทุ่มเงิน 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อสตาร์วูด ส่งผลให้แมริออทขึ้นแท่นเป็นบริษัทในธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงดังกล่าว จะเชื่อมโยงโรงแรมในเครือของสตาร์วูด ซึ่งได้แก่ เชอราตัน, เวสติน และเซนต์เรจิส เข้ากับโรงแรมในเครือของแมริออท ซึ่งได้แก่ คอร์ทยาร์ด, ริทซ์-คาร์ลตัน และแฟร์ฟิลด์ อินน์

นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประจำวันที่ 27-28 ต.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย เฟดสาขานิวยอร์ครายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) อยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการขยายตัวที่อ่อนแอในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ดัชนีขยับขึ้นสู่ระดับ -10.7 จาก -11.4 ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ในรอบ 8 เดือน หลังจากทรุดตัวในเดือนส.ค. แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009

Back to top button