น้ำมันดิบปิดบวกรับข่าวฝรั่งเศสส่งฝูงบินถล่ม IS ในซีเรีย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินรบทิ้งระเบิดถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรีย หลังจากที่เกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิด (16 พ.ย.) ที่ 41.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 44.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นจากข่าวที่ว่าฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินรบเข้าไปถล่มฐานที่มั่นของกลุ่ม IS ในเมืองอัล-รัคคาห์ ทางตอนเหนือของซีเรีย และเมืองที่อยู่รอบๆ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยผู้ก่อการร้ายได้โจมตีเป้าหมาย ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต และสนามกีฬา โดยใช้ยุทธิวิธีต่างๆร่วมกัน ทั้งการยิง การระเบิดฆ่าตัวตาย และการจับตัวประกัน ซึ่งเหตุก่อการร้ายดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ในเวลาต่อมา กลุ่ม IS ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ นอกจากนี้ กลุ่ม IS ยังได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของกลุ่ม IS ในซีเรียว่าจะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับฝรั่งเศส
นักวิเคราะห์มองว่า เหตุการณ์โจมตีทางอากาศในครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากซีเรียไม่ใช่ผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากผลสำรวจของ Platts ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลพลังงานระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบเดือนต.ค.ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลง 120,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยยอดการผลิตเดือนต.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้