NEX บวกแรง 5% มั่นใจปีนี้รายได้ 8 พันล้าน-เล็งล้างขาดทุนสะสม 400 ล้าน เกลี้ยง!

NEX บวกแรง 5% มั่นใจปีนี้รายได้ 8 พันล้าน-เล็งล้างขาดทุนสะสม 400 ล้าน เกลี้ยง! ส่วนปี 66 คาดรายได้โตเกิน 100% แรงหนุนยอดผลิตรถโดยสาร-รถบรรทุกหัวลาก EVตั้งเป้ามีออเดอร์รวม 15,000 คัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5 ต.ค.65)ราคาหุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ณ เวลา 15:42 น. อยู่ที่ระดับ 18.30 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 4.57% สูงสุดที่ระดับ 18.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134.13 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  NEX เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท และสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 400 ล้านบาทได้หมดภายในปี 2565 และในปี 2566 NEX จะมีรายได้เติบโตมากกว่าปีนี้เกินกว่า 100% และสามารถทำกำไรได้

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนผลประกอบการ NEX ในปีนี้ คือ รายได้จากบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่าง NEX กับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA (NEX ถือหุ้น 45% และ EA ถือหุ้น 55%) เป็นโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เชิงพาณิชย์แบบครบวงจร กำลังการผลิตที่ 9,000 คันต่อปี โดยปีนี้มียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) รถโดยสาร EV ที่ 3,195 คัน และมีแผนส่งมอบรถโดยสารให้แก่บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้รับสัมปทานเดินรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 77 เส้นทาง รวม 1,250 คัน ซึ่งเดือน สิงหาคมได้ส่งมอบแล้ว 153 คัน เดือน กันยายนนี้ส่งมอบอีก 248 คัน, เดือน ตุลาคม ส่งมอบ 255 คัน เดือน พฤศจิกายน 299 คัน และเดือน ธันวาคม อีก 295 คัน

ส่วนรถโดยสาร EV ที่เหลืออีก 1,945 คัน (แบ็กล็อก) จะทยอยส่งมอบให้ลูกค้าครบทั้งหมดในปี 2566 และตั้งเป้าว่าจะหาออเดอร์เพิ่มให้ได้อีกว่า 3,000 คัน รวมกับแบ็กล็อกเป็น 5,000 คัน อีกทั้งตั้งเป้ามีออเดอร์รถบรรทุกไฟฟ้าประเภทรถหัวลากอีก 10,000 คัน รวมเป้าออเดอร์ปี 2566 ทั้งหมดเป็น 15,000 คัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่ในไทยที่ใช้รถบรรทุกหัวลาก 20 ราย และขณะนี้ NEX ได้เจรจาแล้ว 7-8 ราย โดยจะมีการลงนามในคำสั่งซื้อทั้งหมดภายในปีนี้ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจาและคาดว่าจะได้รับออเดอร์เพิ่มแน่นอน เพราะปัจจุบันมีรถเชิงพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศไทยถึง 1.3 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ขณะที่มีผู้ผลิตรถเชิงพาณิช์ EV เพียงรายเดียวในไทย คือ บริษัท แอ๊บโซลูทฯ จึงไม่มีคู่แข่งในตลาดและยังสามารถเติบโตได้อีกมาก

ทั้งนี้การจำหน่ายรถ EV ดังกล่าวจะมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) เฉลี่ย 12-15% และบริษัท แอ๊บโซลูทฯ ต้องทำสถานีบริการชาร์จไฟแก่ลูกค้าด้วย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการก่อสร้างสถานีต้นทางกับปลายทาง เพราะรถเชิงพาณิชย์ที่บริษัท แอ๊บโซลูทฯ ผลิตจะใช้ในการรับ-ส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าจึงมีเส้นทางวิ่ง และระยะทางที่ชัดเจนไม่มีการออกนอกเส้นทางแบบรถยนต์ EV ส่วนบุคคล นอกจากนี้ในปี 2566 บริษัท แอ๊บโซลูทฯ ยังมีแผนผลิตและเปิดตัวรถกระบะ EV แบบ 4 ประตู โดยใช้แบรนด์ MINE ด้วย โดยประเมินว่าในปี 2565 บริษัท แอ๊บโซลูทฯ จะมีรายได้ราว 8,000-8,500 ล้านบาท และจะเติบโตเกิน 100% ในปี 2566 ซึ่งรายได้ของ NEX จะสอดคล้องกับรายได้ของบริษัท แอ๊บโซลูทฯ

สำหรับบริษัท แอ๊บโซลูทฯ จะสร้างรายได้ให้ NEX ใน 3 รายการ คือ 1.รายได้จากการถือหุ้น 45%, 2.รายได้จากการที่ NEX เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท แอ๊บโซลูทฯ ซึ่งจะมีส่วนต่างกำไรอีกประมาณ 5% และ3.บริการซ่อมบำรุงหลังการขาย ซึ่ง NEX จะได้รับรายได้ส่วนนี้ 100% ซึ่งเฉลี่ยแล้วรถ EV จะมีค่าซ่อมบำรุงที่กิโลเมตร (กม.) ละ 3 บาท และวิ่งขั้นต่ำประมาณ 230 กม.ต่อคันต่อวัน

นายคณิสสร์  กล่าวอีกว่า จากเป้าการผลิตรถโดยสารและรถบรรทุก EV รวม 15,000 คันดังกล่าวส่งผลให้ในปี 2566 โรงงานของบริษัท แอ๊บโซลูทฯ จะเต็มกำลังการผลิตที่ 9,000 คัน ดังนั้นบริษัท แอ๊บโซลูทฯ จึงมีแผนขยายโรงงานเพิ่มอีก 1 แห่ง ในพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรม บลูเทคซิตี้ จ.ฉะเชิงเทราของ EA ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่โรงงาน เดินประมาณครึ่งชั่วโมง โดยโรงงานแห่งใหม่จะมีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ มูลค่าการลงทุน 6,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี ซึ่ง EA จะลงทุนในสัดส่วน 55% และ NEX 45% ตามสัดส่วนที่ถือหุ้นใน บริษัท แอ๊บโซลูทฯ คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ช่วงกลางปีหน้า และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี สามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2568

Back to top button