PJW บวก 4 วันติด! วิ่งอีก 2% ส่งซิกครึ่งปีหลังแจ่ม รับยอดขายดีขึ้น หนุนรายได้ปีนี้โต 10%

PJW บวก 4 วันติด! วิ่งอีก 2% ส่งซิกครึ่งปีหลังแจ่ม รับยอดขายดีขึ้น หลังเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตกว่า 10%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันนี้(10 ต.ค.65) บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW ณ เวลา 10:24 น. อยู่ที่ระดับ 4.92 บาท บวก 0.08 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.65% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 115.06 ล้านบาท ราคาหุ้นบวก 4 วันติด โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 4.72 บาท เมื่อวันที่ 4 ต.ค.65

ด้านนายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร PJW เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะเติบโตจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของยอดขาย และความสามารถในการทำกำไร ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 1,806.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 52.72 ล้านบาท

โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากเศรษฐกิจโดยรวมกลับสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ส่งผลทำให้บรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหาร (นมและโยเกิร์ต), ชิ้นส่วนยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์น้ำมันเครื่องกลับมาขยายตัวอย่างโดดเด่น จากการเปิดประเทศท่องเที่ยวทำให้กำลังซื้อและการบริโภคเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/2565 ราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลง หนุนความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าราคาของวัตถุดิบจะมีทิศทางการปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/2565 ด้วย ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 16.25% และมีอัตรากำไรสุทธิ 2.92%

สำหรับในปี 2565 บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,086.80 ล้านบาท หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 1,806.59 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลยุทธ์หลักจะมาจากยอดขายในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมียอดคำมีคำสั่งผลิตในมือ (Backlog) จำนวนมาก อีกทั้งยังมองว่าเศรษฐกิจในประเทศจีนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนสามารถทำได้ปกติ

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1. บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น (Lubricant Packaging) มีสัดส่วน 56%,2. ชิ้นส่วนยานยนต์ (Automotive Parts) มีสัดส่วน 27%,3. บรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหาร นมและโยเกิร์ต (Milk & Yogurts Packaging) มีสัดส่วน 14% และ4. กลุ่มบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ของใช้ในครัวเรือน และเคมี (Consumer, Household & Chemical Packaging) มีสัดส่วน 3%

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังคงมองหาโอกาส เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่ดีให้แก่บริษัท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (INNOBIC) และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เพื่อศึกษาและหาโอกาสทางธุรกิจในธุรกิจวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ เบื้องต้นคาดว่าภายในปีนี้จะเห็นรูปแบบของธุรกิจ (Business model) ที่ชัดเจนขึ้น

ด้านงบลงทุนในปี 2565 บริษัทคาดว่าน่าจะใช้ประมาณ 160 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้ใช้งบลงทุนไปแล้วประมาณ 100 ล้านบาท และในช่วงที่เหลือของปีนี้จะใช้เพิ่มอีกประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคาร คลังสินค้า และสำนักงานที่สาทร

Back to top button