“หุ้นเอเชีย” เขียวยกแผง “นิกเกอิ” นำทีมบวกเกือบ 900 จุด ตามดาวโจนส์ปิดพุ่ง

“หุ้นเอเชีย” เขียวยกแผง “นิกเกอิ” นำทีมบวกเกือบ 900 จุด ตามดาวโจนส์ปิดพุ่งวานนี้ หลังร่วง 6 วันติด พร้อมจับตาเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อ หลังสหรัฐเผยดัชนี CPI เดือนก.ย.สูงเกินคาด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้(14 ต.ค.65) นำโดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ณ เวลา 9:23 น. อยู่ที่ 27,135.50 จุด พุ่งขึ้น 898.08 จุด หรือ 3.42% ขณะที่ดัชนี KOSPI ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ณ เวลา 9:43 น. อยู่ที่ แตะ 2,218.52 จุด เพิ่มขึ้น 55.65 จุด หรือ 2.57% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงวันนี้ ณ เวลา 9:28 น. อยู่ที่ 16,869.20 จุด เพิ่มขึ้น 480.09 จุด หรือ 2.93% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ณ เวลา 9:28 น. อยู่ที่  13,206.81 จุด เพิ่มขึ้น 396.08 จุด หรือ 3.09%

ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 800 จุด ในวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) โดยปัจจัยหนุนทางเทคนิคและการเข้าซื้อคืนหุ้นได้ช่วยให้ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากติดลบ 6 วันติดต่อกัน และร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายช่วงเช้า หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ที่สูงเกินคาด ซึ่งได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ในวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) ปิดที่ 30,038.72 จุด เพิ่มขึ้น 827.87 จุด หรือ +2.83%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,669.91 จุด เพิ่มขึ้น 92.88 จุด หรือ +2.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,649.15 จุด เพิ่มขึ้น 232.05 จุด หรือ +2.23%

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8.1% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3%

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 6.5% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง

โดยตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สหรัฐยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับที่อาจทำให้เฟดยกเลิกการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับทิศทางตลาดในระยะต่อไปนั้น บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ของบริษัทจดทะเบียน โดยจะเริ่มจากบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ในวันศุกร์นี้ (14 ต.ค.) เพื่อดูว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อผลกำไร

โดยหุ้นวอลกรีนส์ บูตส์ อัลไลแอนซ์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก พุ่งขึ้น 5.4% หลังเปิดเผยผลประกอบการดีกว่าคาด

ส่วนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่ง 5.3% หลังเปิดเผยว่าบริษัทจะคิดค่าบริการ 6.99 ดอลลาร์สำหรับการสมัครสมาชิกแบบมีโฆษณา

ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังเปิดเผยว่า ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกเฟส 2/3 บ่งชี้ว่า วัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นซึ่งเป็นชนิดไบวาเลนต์ (bivalent) ในการป้องกันไวรัสโอมิครอน 2 สายพันธุ์ย่อย (BA.4/BA.5) นั้นให้ผลในเชิงบวกในการปกป้องผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

 

Back to top button