ดาวโจนส์ปิดบวก รับผลประกอบการบริษัทค้าปลีกรายใหญ่สดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงวอล-มาร์ท และโฮม ดีโปท์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค.


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (17 พ.ย.) ที่ 17,489.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.49 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,986.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.40 จุด หรือ +0.03% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,050.44 จุด ลดลง 2.75 จุด หรือ -0.13%

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ โดยหุ้นวอล-มาร์ท สโตร์ พุ่งขึ้น 3.54% หลังจากประกาศตัวเลขคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีกำไร 1.40-1.55 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 4 และมีกำไรทั้งปี 2015 ที่ระดับ 4.50-4.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น เทียบกับที่คาดการณ์ที่ระดับ 4.40-4.70 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อเดือนส.ค.

ส่วนหุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้น 4.42% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายพุ่งขึ้น 5.1% ในไตรมาส 3 สำหรับสาขาที่มีการเปิดดำเนินการมากกว่า 1 ปี ขณะที่สาขาในสหรัฐมีกำไรทะยานขึ้น 7.3% พร้อมกับเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีกำไรพุ่งขึ้น 14% สู่ระดับ 5.36 ดอลลาร์ต่อหุ้นในปีนี้ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.31-5.36 ดอลลาร์ และคาดว่ายอดขายในปีนี้ พุ่งขึ้น 5.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.2%-6.0%

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเรนจ์ รีซอส คอร์ป ร่วงลงกว่า 4.6% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 4.5% หุ้นโคบอท์ ออยล์ ดิ่งลง 6.9%

ขณะเดียวกันตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 2 เดือน

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ข่าวการยกเลิกการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์เนื่องจากความวิตกกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุลอบวางระเบิดนั้น ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาด้วย

นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 27-28 ต.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่ ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ล่าสุด ซึ่งจัดทำโดย CMEGroup’s Fedwatch ระบุว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นั้น มีสูงเกือบ 70%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจรายการอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board

Back to top button