EPG บวกแรง 5% มั่นใจยอดขายปี 65/66 โตเข้าเป้าโต 15%

EPG บวกแรง 5% มั่นใจยอดขายปี 65/66 โตเข้าเป้าโต 15% แย้มธุรกิจ AEROKLAS ในไทย-ตปท.สดใส รับอุตสาหกรรมยานยนต์และลูกค้าทั่วไปออเดอร์เข้าต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ต.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ณ เวลา 16:21 น. อยู่ที่ระดับ 9.95 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 4.74% สูงสุดที่ระดับ 10.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64.65 ล้านบาท

โดยก่อนหน้าดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPG เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ และตกแต่งยานยนต์ (AEROKLAS) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจร่วมทุน จะปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์และลูกค้าทั่วไป เนื่องจากสินค้า AEROKLAS มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และน้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน  ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อ (Order) จากค่ายยานยนต์อย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากค่ายยานยนต์ให้ผลิตสินค้าใหม่ ๆ บวกกับความต้องการใช้งานรถกระบะ ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ดังนั้นบริษัทมั่นใจว่าปีบัญชี 2565/2566 (เม.ย. 2565–มี.ค. 2566) ยอดขายเติบโต 12-15% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29-32% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะเริ่มเห็นผลประกอบการทยอยดีขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีบัญชี 2565/2566 (ก.ค.-ก.ย. 2565) และในไตรมาสต่อ ๆ ไป

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายประมาณ 50% มาจากธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ และตกแต่งยานยนต์ แม้ว่าในไตรมาส 1 ปีบัญชี 2565/2566 (เม.ย.-มิ.ย. 2565) ยอดขายจากธุรกิจดังกล่าวชะลอตัวลงในโซนยุโรป หลังเศรษฐกิจยุโรปซบเซา และปัญหาชิปขาดแคลน (Semiconductor Shortage) รวมถึงการเปลี่ยนโมเดลรถกระบะของผู้ผลิตยานยนต์บางค่าย แต่ในช่วงไตรมาส 2 นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 ยอดขายของธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ปรับตัวค่อนข้างดี

ขณะที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เร่งตัวขึ้นตาม และสามารถส่งสินค้าให้กับค่ายยานยนต์ที่เริ่มมีการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง บวกกับยานยนต์รุ่นใหม่ที่จะทยอยออกสู่ตลาด ทำให้มีคำสั่งซื้อ และความต้องการสินค้าหลัก  เช่น พื้นปูกระบะ (Bed liner) บันไดข้างรถกระบะ (Sidesteps) หลังคาครอบกระบะ (Canopy) และชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถกระบะและ SUV เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาส 1

ส่วนกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์หลายค่ายปรับตัว เพื่อแก้ไขปัญหาชิปขาดแคลน โดยคาดว่าการเติบโตจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ สะท้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือน ส.ค. 2565 ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 85% (ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) และยอดส่งออกรถกระบะไปออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 32% (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ที่ออสเตรเลีย Federal Chamber of Automotive Industries รายงานสถิติในเดือน ส.ค. 2565 ยอดขายยานยนต์ประเภท Light commercial vehicles เพิ่มขึ้น 17% และ SUV เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในส่วนของธุรกิจในออสเตรเลีย ภายใต้  Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) ยอดขายปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

ด้านธุรกิจ TJM Products Pty. Ltd. (TJM) ได้เปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง ในออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่ Hobart, Tasmania และ Epping, Victoria นอกจากนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากการซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ออสเตรเลีย ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ ด้วยการเร่งให้เกิด synergy ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ต่อไป

Back to top button