TTB พุ่ง 3% รับกำไร Q3 โตเกินคาด โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 1.38 บาท
TTB วิ่งแรง 3% รับกำไรไตรมาส 3/65 โตเกินคาด แตะ 3.7 พันลบ. ฟากโบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.38 บาท มองกำไรปี 65 ไว้ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ต.ค. 65) ราคาหุ้น ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ณ เวลา 14:37 น. อยู่ที่ระดับ 1.28 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.23% สูงสุดที่ระดับ 1.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.23 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 381.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น TTB ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังรายงานกำไรไตรมาส 3/65 และงวด 9 เดือนแรกของปี 65 เติบโต ดังนี้
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 มีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากโตยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง หนุนโดยรายได้ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้นส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) เพิ่มสูงขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีและคุณภาพสินทรัพย์ที่มีอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/65 เพิ่มขึ้นละ 8 จากไตรมาสก่อนหน้า และร้อยละ 58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการเติบโตในฝั่งรายได้ รายได้ดอกเบี้ยและส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และการเติบโตของรายได้ค่าธรรมและบริการสุทธิยังคงท้าทาย ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการขยายธุรกิจ ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ยังคงบริหารจัดการได้ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการการตั้งสำรองลดด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3/65 เพียง 4,361 ล้านบาท ลดลง 21.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/64 มีการตั้งสำรองมากถึง 5,527 ล้านบาท
นอกจากนี้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารขยายตังได้ตามเป้าหมาย โดยเน้นการเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวังเพื่อรักษาผลตอบแทนบนความเสี่ยงงที่เหมาะสม อีกทั้งธนาคารกลับมาโตสินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมของธนาคาร เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในอนาคต
โดยก่อนหน้านี้บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่า TTB จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ระดับ 3,190 บาท เติบโต 35.3% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 7.2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
ขณะที่ บล.ทรีนี้ตี้ ยังคงประเมินแนวโน้มกำไรปี 65 ไว้ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มในไตรมาส 4/65 อาจเห็นรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมและประกัน
ส่วนแนวโน้มในปี 66 คาดว่าอาจเห็นค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากความกังวลด้านเศรษฐกิจ แต่ในอีกด้านหนึ่งคาดว่าสินเชื่อและธุรกรรมต่างๆ จะฟื้นตัว ทำให้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ในภาพรวมจึงคาดกำไรปี 66 ยังเติบโตได้ราว 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 1.38 บาท