TTW เด้งแรง 5% ลุ้น PTW ได้ต่อสัญญาขายน้ำประปา “กปภ.” โบรกเคาะเป้า 12 บ.
TTW เด้งแรง 5% ราคาแตะ 8.80 บ. หลังผู้บริหารเผยอยู่ระหว่างเจรจาต่อสัญญาขายน้ำประปาของ PTW ให้กับ “กปภ.” ตามเงื่อนไขสามารถต่อสัญญาได้อีก 2 ครั้ง เป็นระยะเวลาครั้งละ 10 ปี โบรกแนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้า 12 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ล่าสุด ณ เวลา 14:49 น. อยู่ที่ระดับ 8.80 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 5.39% สูงสุดที่ระดับ 8.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 76.78 ล้านบาท
ทั้งนี้ นางสาววลัยณัฐ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ TTW เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาต่อสัญญาการขายน้ำประปาของบริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) ให้กับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จากที่จะหมดอายุสัญญาในวันที่ 14 ต.ค. 2566 โดยมีความมั่นใจว่าจะได้ต่อสัญญา เนื่องจากตามเงื่อนไขสามารถต่อสัญญาได้อีก 2 ครั้ง เป็นระยะเวลาครั้งละ 10 ปี
ขณะที่ ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ด้วยภาคอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะสงครามในต่างประเทศ ส่วนภาคครัวเรือน และพาณิชยกรรม อย่างห้างสรรพสินค้าเริ่มปรับตัวดีขึ้น จึงคาดว่าปริมาณการใช้น้ำในปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 1-2% ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย สำหรับภาพรวมทั้งปีต้องรอดูผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดจะมีการประกาศงบไตรมาส 3/2565 ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้
ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า ในปี 2566 บริษัทย่อย PTW ครบอายุสัมปทานวันที่ 14 ต.ค. 2566 สัญญาเป็นแบบ BOOT (Build-Own-Operate-Transfer) คือเมื่อครบอายุสัมปทานจะต้องโอนสินทรัพย์ทั้งหมดไปให้กปภ. แต่ PTW จะได้สิทธิ First Right ที่เข้าเจรจากับกปภ. โดยมีอายุสัญญาเพิ่มได้อีก 10 ปี + 10 ปี ซึ่งการเจรจาเริ่มไม่เกิน 1 ปี ก่อนที่จะหมดสัมปทาน คือหลังวันที่ 14 ต.ค. 2565 ซึ่งทางบริษัทได้เตรียมเอกสารเพื่อการเจรจาแล้ว โดย PTW มีรายได้ราว 30% และกำไรราว 25% ของกำไรจากธุรกิจน้ำประปาในปี 2564 แต่เมื่อรวมกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ก็จะอยู่ที่ราว 20% ของกำไรรวม
ทั้งนี้ หากมองเลวร้ายสุด กำไรก็ควรลดลงไปมากสุดที่ 20% ซึ่งยังไม่รวมการปรับขึ้นค่าน้ำประปาในปี 2566 และยังไม่รวมการเติบโตของ CKP ที่จะมีโครงการใหม่เข้ามาในอนาคต โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะมีกำลังจากผลิตเป็น 4,800 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 2,000 เมกะวัตต์ ถ้ามองกรณีเลวร้ายสุดไม่ได้ต่อสัญญาราคาพื้นฐานปี 2566 ที่ 11.60 บาท และคาดยังจ่ายปันผลเท่าเดิมที่ 0.60 บาท ยังมีอัพไซด์อยู่ คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ด้านแนวโน้มในไตรมาส 3/2565 ธุรกิจน้ำประปายังลดลง แต่คาดจะได้ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP หนุนไว้ โดยรายงานปริมาณขายน้ำประปาให้เดือน ส.ค. ปรับตัวลง 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 24.04 ล้านลบ.ม. ซึ่งอัตราการลดลงชะลอตัวจากช่วงต้นปี ตามภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายขึ้น แต่ยังไม่ได้กลับไปเท่าก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งนี้มองธุรกิจน้ำประปาในไตรมาส 3/2565 กำไรปรับตัวลงไม่มาก แต่จะได้รับการชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรของ CKP ที่คาดดีขึ้น เพราะปกติไตรมาส 3/2565 เป็นไฮซีซั่น ประกอบกับปีนี้ฝนตกมาก ทำให้การผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าปีก่อน ซึ่งข้อมูลเดือน ก.ค.-ส.ค. ของ CKP การผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดเดือน ก.ย. การผลิตจะยังคงอยู่ในระดับสูง
ส่วนบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่ามีมุมมองเป็นกลาง โดยคาดการเจรจาสัญญาใหม่จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้หรือต้นปี 66 ทั้งนี้ สำหรับประมาณการของบล.ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นไปตามสัญญาสัมปทานปัจจุบันและยังไม่ได้รวมการขยายสัมปทานใหม่ เบื้องต้นประเมินหาก PTW ได้รับการขยายสัมปทานอีก 10 ปี จะเป็น upside ต่อราคาเป้าหมาย TTW ราว 1 บาท/หุ้น แม้หากเทียบราคาหุ้นปัจจุบันและราคาเป้าหมายของบล.ดาโอ (ประเทศไทย) upside เริ่มน่าสนใจ แต่มองว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นoverhang ต่อหุ้นจนกว่าการเจรจาสัญญาจะได้ข้อสรุป ทำให้คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมาย 12 บาท