CIVIL พุ่งแรง 4% ครึ่งปีหลังลุยประมูลงาน 1.7 หมื่นล้าน ดันรายได้โตเข้าเป้า 20-30%

CIVIL พุ่งแรง 4% กางแผนครึ่งปีหลัง ลุยประมูลงานรัฐ 1.7 หมื่นล้าน หนุนแบ็กล็อกไม่ต่ำ 1.5 หมื่นล้าน มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20-30% อยู่ที่ 6,000-6,500 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(21ต.ค.65)ราคาหุ้นบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL  ณ เวลา 14:53  อยู่ที่ระดับ 3.46 บาท บวก 0.42 บาท หรือ 13.82% ราคาหุ้นสูงสุด 3.58 บาท ราคาหุ้นต่ำสุด 3.04 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 49.13 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIVIL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 (ก.ค.-ธ.ค. 65) บริษัทมีแผนเข้าร่วมประกวดราคาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังจะเปิดการประกวดราคาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เช่น งานก่อสร้างทางหลวงและทางพิเศษ, งานเขื่อนและระบบน้ำ, งานก่อสร้างและปรับปรุงสนามบิน, งานก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงมูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนเตรียมเข้าประมูลงานภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสการรับงานที่หลากหลาย และปัจจุบันบริษัทยังคงสามารถดำเนินการก่อสร้างและส่งมอบงานได้ตามแผน อีกทั้งยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 15,000–20,000 ล้านบาท และคาดว่าจะช่วยทำให้รายได้ปี 2565 เติบโตตามเป้าหมายที่ 20-30% หรืออยู่ที่ 6,000-6,500 ล้านบาท

ด้านธุรกิจเหมืองหินจังหวัดสระบุรี ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิส แอนด์ โปรดักส์ จำกัด (บริษัทย่อย) ได้เปิดให้บริการเต็มกำลังการผลิตเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างของบริษัทลดลงจากการนำหินมาใช้ในโครงการก่อสร้างของ CIVIL อีกทั้งแหล่งวัตถุดิบตั้งอยู่ใกล้โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งทำให้ประหยัดต้นทุนการขนส่ง และลดความผันผวนของ Supply หิน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการจำหน่ายหินให้กับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของกำไรให้กับบริษัท

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานก่อสร้างแบ่งเป็น งานก่อสร้างทางรถไฟและทางรถไฟความเร็วสูง 46%, งานทาง 41%, งานก่อสร้างสนามบิน 2%, งานเขื่อนและระบบน้ำ 1% และงานประเภทอื่น ๆ 10%

นายปิยะดิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2565 บริษัทยังคงมุ่งเน้นบริหารงานพร้อมทั้งรับรู้รายได้จากงานในมืออย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควบคู่กับการจัดการต้นทุนทั้งด้านวัสดุและแรงงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพดำเนินงานก่อสร้างให้ได้เกินกว่าแผนงานและส่งมอบงานได้ตามกรอบระยะเวลา อีกทั้งสามารถรักษาอัตรากำไรของบริษัทให้อยู่ในระดับดี รวมถึงวางแผนลงทุนในเครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อเสริมศักยภาพการก่อสร้าง รองรับงานที่คาดว่าจะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายรายที่จะช่วยสร้าง New S-Curve ต่อยอดการเติบโตธุรกิจในอนาคตด้วย

Back to top button