JWD บวก 4% จับตา Q3 โตเด่น มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 6 พันลบ. โบรกแนะซื้อเป้า 23 บ.

JWD บวก 4% จับตางบ Q3/65 โตเด่น มั่นใจดันรายได้ปีนี้แตะ 6 พันล้าน โบรกแนะซื้อเป้า 23 บ. โดย ณ เวลา 15:13 น. อยู่ที่ระดับ 20.70 บาท บวก 0.70 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ณ เวลา 15:13 น. อยู่ที่ระดับ 20.70 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 3.50% สูงสุดที่ระดับ 20.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86.55 ล้านบาท

ด้านนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 65 จะเติบโตดี เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก สะท้อนจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 ที่เดือน ก.ค. 65 จนถึงปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเดือน ส.ค. 2565 การฟื้นตัวของธุรกิจรับฝาก และบริหารยานยนต์ ค่อนข้างโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 เนื่องจากบริษัทได้รับงานให้บริการโลจิสติกส์แก่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่งผลดีต่อรายได้ และกำไรขั้นต้นของธุรกิจดังกล่าว

ขณะที่ธุรกิจบริหารท่าเทียบเรือชายฝั่งขนส่งสินค้า (Barge Terminal) สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่ และมีปริมาณงานเฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก ส่วนธุรกิจคลังสินค้า ได้แก่ คลังสินค้าทั่วไปภายในพื้นที่เขตปลอดอากรท่าเรือแหลมฉบัง ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม และคลังสินค้าอันตราย ที่คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่าครึ่งปีแรก

ทั้งนี้บริษัทยังรับรู้รายได้จากคลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่ ได้แก่ คลังสินค้าห้องเย็น PACM ร่วมทุนกับบริษัท เอ็ม เอ็ม พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พื้นที่รวม 10,800 ตารางเมตร (ตร.ม.) จัดเก็บสินค้าได้ 20,000 พาเลท ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม หลังเปิดบริการเพียง 3-4 เดือน และคลังสินค้าห้องเย็น PACS จ.สระบุรี ที่เปิดบริการเมื่อเดือน ส.ค. 2565 พื้นที่รวม 8,000 ตร.ม. จัดเก็บสินค้าได้ 11,000 พาเลท ซึ่งติดตั้งระบบ ASRS ในการจัดเก็บ และบริหารสินค้า ช่วยลดการเพิ่มแรงงาน

ด้านธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self-Storage) อยู่ระหว่างวางแผนขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตร อย่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และ Fuze Post ธุรกิจให้บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิที่บริษัทร่วมทุนกับไปรษณีย์ไทย และแฟลช เอ็กซ์เพรส คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสในไต้หวัน ที่ทำกำไรต่อเนื่องในปีนี้, ธุรกิจในกัมพูชา ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้การขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจเพิ่มเติม โดยมีโอกาสจะปิดดีลได้ภายในไตรมาส 4/2565 และยังวางแผนรับมือผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ด้วยการลงทุนรถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานไฟฟ้าเฟสแรก 10 คัน และมีเงื่อนไขปรับขึ้นค่าขนส่งกับคู่ค้าในกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดสูงขึ้น

ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2565 จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 5,293.32 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว 2,788.41 ล้านบาท

นายชวนินทร์ กล่าวต่อว่า บริษัทขยายธุรกิจภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (64-68) บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 15% ปัจจุบันมีความคืบหน้าตามแผนงาน

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4 จะดีขึ้นตามฤดูกาลและธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการห้องเย็นโตดีมาก โดย PACM Cold Storage ปัจจุบันเต็ม 100% ห้องเย็นที่สระบุรีจะเริ่มให้บริการ ต.ค. นี้ ส่วน PACT ที่ร่วมกับ TU จะเปิดบริการไตรมาส 1/66 ซึ่งคลังสินค้ามี Occupancy Rate เต็มเกือบตลอดเวลา

ขณะที่ Self-Storage จะเปิดสาขาเพิ่มเดือนละ 1 สาขาร่วมกับ CPN ตั้งเป้าพื้นที่ให้บริการ 1 แสนตรม. ภายใน 5 ปี ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ 1 หมื่นล้านบาท Net margin 15% ภายในปี 2568-2569 เชื่อว่าเป็นไปได้ คงประมาณการกำไรปี 2565 โต 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 โต 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แนะนำราคาเป้าหมาย 23 บาท

ด้านบล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(21 ต.ค.65) ว่า จากกรณี ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.65 อยู่ที่ 1.79 แสนคัน โต 28% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 4% เทียบเดือนก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 40 เดือน (ตั้งแต่เดือน พ.ค.62 ที่ผลิตได้ 1.81 แสนคัน)

โดยแนะนำกลุ่ม Automotive ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “Neutral” โดยราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์(Automotive) ปรับตัวขึ้น outperform SET 5% ในช่วง 3 เดือน จากยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค.-ก.ย.65 ที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคาดว่าบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD จะได้ประโยชน์จากปัจจัย เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ราว 10-15%แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 21.00 บาท

Back to top button