EPG ตั้งงบลงทุนด้านนวัตกรรมปี 59/60 ราว 100 ลบ.เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้ตปท.
EPG ตั้งงบลงทุนด้านนวัตกรรมปี 59/60 ร่วม 100 ลบ.ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการส่งออกและรายได้จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในต่างประเทศเป็น 70% ในปี 60/61 จาก 62% ในปัจจุบัน
นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) ยังคงให้ความสำคัญกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพและอยู่ได้กับทุกการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยตั้งงบลงทุนด้านนวัตกรรมประมาณ 100 ล้านบาทในการศึกษาและพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับสินค้าทั้ง 3 กลุ่ม คือ ฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX, ชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS และบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ EPP
อีกทั้ง EPG จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการส่งออกและรายได้จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในต่างประเทศเป็น 70% ในปี 60/61 จาก 62% ในปัจจุบัน โดย AEROFLEX จะรุกตลาดฉนวนกันความร้อน/เย็น ในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เช่น เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น
เนื่องจากมีแนวโน้มการลงทุนในการก่อสร้างสูงขึ้น ส่วนประเทศญี่ปุ่น และอเมริกา จะรุกตลาดโรงงานฟามาซูติคอล และอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งมักใช้ฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ในระบบ Clean room ,หุ้มท่อแอร์และท่อ Boiler และหุ้มท่อโลหะพิเศษ โดยได้พัฒนาตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ไปบ้างแล้ว
นอกจากนี้ AEROFLEX อยู่ระหว่างการตัดสินใจเข้าร่วมพัฒนาฉนวนกันความเย็นที่มีคุณสมบัติพิเศษ (เกรดซุปเปอร์ พรีเมียม) ทนความเย็นได้ถึง -253 องศาเซลเซียล กับบริษัทผู้ผลิตยานอวกาศที่จะไปสำรวจดาวอังคารและสถานีอวกาศ เพื่อใช้หุ้มถังเชื้อเพลิง และระบบท่อในยานอวกาศ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีหน้า และหากประสบผลสำเร็จจะเป็นโอกาสขยายธุรกิจไปสู่ฉนวนกันความร้อน/เย็น เพื่อใช้กับรถยนต์ระบบไฮโดรเจน และสถานีเติมไฮโดรเจน ซึ่งจะเป็นเทรนของรถยนต์ในอนาคต
ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS จะทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยมีคำสั่งซื้อสินค้ากลุ่ม Canopy และ Deck cover เพิ่มขึ้นจากรถกระบะโมเดลใหม่ๆ และกำลังพัฒนาสินค้าใหม่จากโพลีเมอร์และพลาสติกทดแทนการใช้โลหะเพื่อลดน้ำหนักของรถยนต์ทำให้ประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างหารือกับค่ายรถยนต์ชื่อดังที่เริ่มเจาะตลาดรถกระบะและต้องการให้ AEROKLAS ร่วมพัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์คุณภาพพรีเมี่ยมอีกด้วย ด้านบริษัท TJM Producr PTY Ltd (TJM)ซึงเพิ่งเข้าซื้อกิจการมานั้นได้ย้ายฐานการผลิตจากเซินเจิ้นไปเซี่ยงไฮ้เรียบร้อยแล้ว และฐานผลิตในประเทศไทยเริ่มผลิตสินค้าป้อนให้กับค่ายรถยนต์แล้ว โดยภายใน 2 ปีข้างหน้าจะตั้งสาขา TJM ของตนเอง 10 แห่งในประเทศออสเตรเลีย และให้แฟรนไชส์ TJM เพิ่มอีก 8 แห่งในสหรัฐอเมริกา
ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน AEROKLAS มาเลเซีย อยู่ระหว่างทดสอบเครื่องจักรผลิตในประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ช่วงต้นปี 59 หลังการเปิด AEC อย่างเป็นทางการ บริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกประมาณ 30 ล้านบาท โดย AEROKLAS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EPG ถือหุ้นในสัดส่วน 70% และที่เหลือเป็นของพาร์ทเนอร์ในมาเลเซีย โดยใช้เป็นฐานการผลิตและจำหน่ายในประเทศมาเลเซียและส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศมุสลิมกว่า 10 ประเทศในอนาคต
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม EPP นั้น ที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จัดตั้งโรงงานใหม่ EPP Phase II ซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมไอพีพี จ.ระยอง เพื่อเพิ่มศักยภาพและกำลังการผลิตสินค้าเพื่อรองรับออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้เครื่องจักร In-line High Speed Thermoforming, PET และ PP production lines จำนวน 2 เครื่องพร้อมเดินแล้ว และในช่วงต้นปีหน้าจะนำเข้าเครื่องจักรใหม่อีก 3 เครื่องโดยจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาสแรกของปี 59/60 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 32,000 ตัน/ปี จากเดิมที่ผลิตได้ 24,000 ตัน/ปี EPP Phase II สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานลงถึง 70% จากเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง และมาตรฐานโรงงานระดับ Food Grade จึงเป็นโรงงานต้นแบบที่ใช้ในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ