TLI บวก 3% ตัวเต็งเข้า MSCI พ.ย.นี้ ดึงกองทุนฝรั่งซื้อ 2.7 พันล้าน โบรกชูเป้า 20.10 บ.
TLI วิ่ง 3% เตรียมเข้าคำนวณ MSCI Global Standard ที่จะประกาศวันที่ 10 พ.ย.นี้ และมีผล 30 พ.ย. 65 จับตาเม็ดเงินกองทุน Passive Fund เข้าซื้อประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.7 พันล้านบาท โบรกแนะนำราคาเป้าหมาย 20.10 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ณ เวลา 11:01 น. อยู่ที่ระดับ 15.60 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.63% สูงสุดที่ระดับ 15.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 339.70 ล้านบาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า MSCI Rebalance จะประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่วันที่ 10 พ.ย.65 หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ และจะมีการปรับน้ำหนักในวันที่ 30 พ.ย.65 คาดตลาดหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักได้แก่ หุ้นจีน (ทั้ง H-shares & A-shares) อินเดีย ไต้หวัน และไทย มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก ส่วนเกาหลี, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, และมาเลเซีย เสี่ยงถูกลดน้ำหนักประเทศ
MSCI Global Standard Index มีหุ้นไทยที่คาดว่าจะเข้าคำนวณครั้งนี้ 1 บริษัท ได้แก่ TLI คาดเม็ดเงินกองทุน Passive Fund เข้าซื้อประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.7 พันล้านบาท มีโอกาสสูงมาก
ส่วนหุ้นคาดว่าจะหลุดจาก MSCI Global Standard ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM คาดถูกขายประมาณ 41 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 1.56 พันล้านบาท
นายกรภัทร กล่าวว่า ราคาหุ้น TLI ที่ปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ สาเหตุมาจากมีกระแสข่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จะกลับเข้ามาคำนวณใน MSCI Global Standard หลังจาก ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ได้กลับเข้ามาก่อนหน้านี้ ทำให้มีแรงเทขายหุ้น TLI ออกมา
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินเกณฑ์ต่างๆ แล้ว TLI มีโอกาสสูงกว่า BBL ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ TLI ยังมีโอกาสสูงที่จะเข้าคำนวณ FTSE ปลายปีนี้ ส่วน SET50 ต้องรอรอบครึ่งปีหลังปี 66 ไม่ใช่รอบครึ่งปีแรกที่จะประกาศในเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับกลยุทธ์แนะนำ “ซื้อ” ลงทุน/เก็งกำไร TLI ราคาเป้าหมาย 20.10 บาท และเลี่ยง BAM ในระยะสั้น อาจถูกแรงเทขายออกมา
ทั้งนี้ยังคง “แนะนำ TLI ราคาเป้าหมาย 20.10 บาท ได้ประโยชน์จาก Bond yield ขาขึ้น ประกอบกับธุรกิจประกันชีวิตในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต มีโอกาสขยายธุรกิจในช่องทางธนาคาร รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน และคาดกำไรเติบโต 14.6%”
โดยปัจจุบัน TLI มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นลำดับ 2 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในไทย มีจุดเด่นด้านเครือข่ายตัวแทนที่แข็งแกร่ง มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ หรือ VONB margin มีแนวโน้มสูงขึ้น ช่วยเพิ่มมูลค่า VONB, มูลค่าพื้นฐานของกิจการ หรือ EV
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุผลประกอบการ TLI ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว สำหรับแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง หนุนโดยดอกเบี้ยขาขึ้น ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ การปรับพอร์ตเบี้ยประกันใหม่มีตัวแทนจำหน่ายมากสุดในไทย ขณะที่มูลค่ายังถูกสำหรับไตรมาส 3 และ 4 กำไรจะฟื้นตัวและเติบโตต่อเนื่องในปี 66 จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น