NER บวก 2% ลุ้นกำไร Q3 แตะ 519 ล้าน โบรกชูเป้า 9 บ.
NER บวก 2% โบรกชี้กำไรไตรมาส 3/65 แตะ 519 ล้านบาท โต 17.9% ดันยอดขายทั้งปีเข้าเป้า 2.8 หมื่นล้านบาท โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 8.30-9.00 บาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 น่าจะเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยจะเติบโตดีมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 และช่วงเดียวกันของปี 64 เนื่องจากการส่งมอบตามคำสั่งซื้อ (Order) ได้ต่อเนื่องตามแผน คาดจะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่ออนุมัติและประกาศงบในวันที่ 8 พ.ย. 65
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/65 ยอดขายจะเติบโตมากกว่าไตรมาส 3/65 และเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 เนื่องจากมีการส่งมอบยางจากออเดอร์ของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นยอดขายล่วงหน้าและในราคาขายที่ดี
โดยปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้ายาวไปถึงเดือนมี.ค.66 แล้ว ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/65 ดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะเห็นตัวเลขล่วงหน้าแล้ว รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว ช่วยให้ออเดอร์ใหม่ ๆ จากลูกค้าในประเทศไทย จีน และอินเดียเพิ่มขึ้น
ขณะที่ล่าสุดมีลูกค้าอินเดียรายใหม่ 1 ราย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่จากอุตสาหกรรมยางล้อ เดินทางเข้ามาตรวจคุณภาพโรงงานที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมั่นใจว่าโรงงานจะผ่านกฎเกณฑ์ต่างๆ และได้ลูกค้ารายดังกล่าวเข้ามาเสริมพอร์ต จากปัจจุบันที่มีลูกค้าอินเดียแล้ว 6 ราย
ขณะที่ธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ ในไตรมาส 4/65 คาดว่าจะสร้างรายได้จากธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ ประมาณ 100 ล้านบาท จากไตรมาส 3/65 ทำรายได้หลักสิบล้านบาท
ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายปี 65 จะมีรายได้ประมาณ 28,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่มีรายได้ประมาณ 24,456.29 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว 10,882.46 ล้านบาท พร้อมทั้งยังคงเป้าหมายปริมาณการขายปี 65 ไว้ที่ 460,000-480,000 ตัน จากปี 64 ที่มีปริมาณการขาย 452,476 ตัน ซึ่ง ณ ไตรมาส 2/65 มีปริมาณการขายแล้ว 184,748 ตัน
นอกจากนี้ภายในสิ้นปี 65 จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 515,600 ตัน จากปี 64 ที่มีกำลังการผลิต 465,600 ตัน
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER ให้ราคาเป้าหมาย 9 บาท โดยได้ประเมินผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 จะมีกำไรสุทธิ 505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 ที่มีกำไรสุทธิ 382 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 440 ล้านบาท แม้มีบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) เข้ามา 70 ล้านบาท แต่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 7,313 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 ที่มีรายได้รวม 5,272 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีรายได้รวม 7,153 ล้านบาท หลังปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 แต่ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 หลังคำสั่งซื้อจากลูกค้าในจีน และอินเดียเพิ่มขึ้น
ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 จะเติบโตต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ของปี 65 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่เพิ่มคำสั่งซื้อ พร้อมทั้งคาดว่ากำไรสุทธิปี 66 จะแตะ 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 65 ที่มีกำไรสุทธิ 2,078 ล้านบาท จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER ให้ราคาเป้าหมายปี 65 อยู่ที่ 8.30 บาท โดยประเมินผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิ 519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 ที่มีกำไรสุทธิ 382 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 17.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 440 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 1,246 ล้านบาท
สำหรับกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่ 124,000 ตัน เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 เนื่องจากการกลับมาของภาคการส่งออกได้มากขึ้น หลังสถานการณ์สายเดินเรือดีขึ้น แต่ราคาขายลดลง 2% ตามราคายางที่ลดลง จึงประเมินยอดขายไว้ที่ 7,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% แม้ราคาขายจะลดลง แต่ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงมากกว่าส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) สูงขึ้นเป็น 13.2% จากไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 11.6%