PR9 บวก 4% จับตากำไร Q3 โตเด่น อานิสงส์ผู้ป่วยนอก-ในทะลัก แนะซื้อเป้าใหม่ 20 บ.
PR9 บวก 4% จับตากำไร Q3/65 โตเด่น อานิสงส์ผู้ป่วยนอก-ในทะลัก มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 20% โบรกแนะซื้อเป้าใหม่ 20 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(31 ต.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ณ เวลา 10.57 น. อยู่ที่ระดับ 18.40 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 3.95% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 48.81 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน PR9 เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทมั่นใจจะมีรายได้เติบโตมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,030.18 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว 1,961.69 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 น่าจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปี 2564 และเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 เนื่องจากผู้ป่วยภาคปกติชาวไทย และต่างชาติฟื้นตัวอย่างมาก ช่วยหนุนอัตราการเติบโตของผู้ป่วยนอก (OPD) ขยายตัว 30% และผู้ป่วยใน (IPD) ขยายตัว 20-30% แม้ว่าจะมีการรับผู้ป่วยโควิด-19 น้อยลง และปิดห้องพักผู้ป่วย (ward) สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ไปก็ตาม
โดยในไตรมาส 3/2565 ปกติแล้วจะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล และมีโรคประจำฤดูฝนค่อนข้างมาก ทำให้มีผู้ป่วยทั้งผู้ใหญ่และเด็กเข้ารับบริการจำนวนมาก บวกกับหลังประชาชนกลับมาใช้ชีวิตสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้ป่วยเดิมในส่วนโรคเฉพาะทางกลับมารักษา รวมถึงผู้ป่วยสูงอายุ และโรคซับซ้อน ที่ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าค่อนข้างมีความโดดเด่นด้านคุณภาพในการรักษา และยังได้ผู้ป่วยใหม่ที่พอใจกับการบริการในช่วงโควิด-19 กลับมารักษาโรคอื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ในส่วนของผู้ป่วยชาวต่างชาติ ณ ไตรมาส 3/2565 สัดส่วนรายได้ขยับขึ้นมาแตะระดับ 15% หรือเทียบเท่าก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ถือว่าเร็วกว่าคาดการณ์เดิมที่คาดว่าสัดส่วนรายได้ชาวต่างชาติจะกลับมาปกติภายในสิ้นปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากผู้ป่วยชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศ รวมถึงผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เข้ามาหลังเปิดประเทศ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และจีน เป็นต้น ดังนั้นเชื่อว่าภายในสิ้นปี 2565 สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19
“ด้วยสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ทำให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติเน้นมองหาโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล และคุณภาพรักษาที่ดี ซึ่งโรงพยาบาลพระรามเก้าตอบโจทย์ได้ดีเยี่ยม ส่วนผู้ป่วยชาวไทยก็ค่อนข้างสนอง หรือเข้าบริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางอย่างมากหลังเริ่มบริการมาเป็นปีแล้ว หลังจากเปิดตึกใหม่ ทั้งศูนย์เลสิก ศัลยกรรม ตรวจสุขภาพประจำปี และอื่น ๆ จึงคาดว่ารายได้ในส่วนนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา” นายธีรพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4/2565 บริษัทยังได้ห้องพักผู้ป่วย (ward) ใหม่ไม่น้อยกว่า 20 ห้อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โดยได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา และยังสามารถขยายห้องพักผู้ป่วยเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ปรับปรุงรีโนเวทพื้นที่เพิ่มเติมในส่วนของแผนกผู้ป่วยนอกทั่วไปของอาคาร A ชั้น 2 เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น และได้มีการปรับพื้นที่ชั้น 1 เพื่อเปิดบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ “International Center” เพิ่มเติมด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่รอรีโนเวทต่อไป
นายธีรพันธ์ กล่าวต่อว่า บริษัทจะเน้นรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยล่าสุดได้จับมือช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ฉลองแคมเปญสุดปัง “Shopee 10.10 Brands Festival: แบรนด์ดัง ปังเต็มสิบ” จัดเต็มแบบปังปังกับแพ็กเกจตรวจสุขภาพสุดฮอตแบบ EXCLUSIVE ทั้งแพ็กเกจตรวจสุขภาพ First Jobber รุ่นใหม่วัยทำงาน เพียง 2,590 บาท แพ็กเกจตรวจสุขภาพ รุ่นพี่วัยเก๋า Young Executive เพียง 5,990 บาท แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นใหญ่ไฟแรง Work Hard, Check Harder สำหรับคุณผู้ชายเพียง 10,500 บาท และสำหรับคุณผู้หญิง เพียง 10,300 บาท เป็นต้น ซึ่งสามารถซื้อได้แล้ววันนี้ถึง 30 ต.ค. 2565 ที่ร้านค้าออฟฟิเชียลสโตร์ Praram 9 Hospital บน Shopee Mall
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์(27ต.ค.65) ว่า ยังคงแนะนำ“ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท โดยคาดว่าบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 128 ล้านบาท โต 56% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า การเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยทั่วไปของชาวต่างชาติและไทย ซึ่งจำนวนลูกค้าต่างชาติกลับมามากกว่าช่วงก่อนโควิดทั้งจาก pent-up demand และการทำตลาดช่องทางใหม่ๆ ในขณะที่มีการเติบโตของผู้ป่วยชาวไทยอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติต่อชาวไทยอยู่ที่ 15:85 นอกจากนี้ในไตรมาส 3/65 ได้ปัจจัยอานิสงส์ของฤดูฝน ทำให้เราคาดว่า occupancy rate ในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 70% เทียบไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 68% และไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 61%