BANPU วิ่ง 2% จับตางบ Q3 แจ่ม ลุ้นปีนี้ดันกำไรทะลุ 4.4 หมื่นล้าน โตทะลัก 3 เท่า

BANPU วิ่ง 2%  ส่งสัญญาณผลงานปี 66 ยังเติบโต แม้ทิศทางราคาถ่านหินอ่อนตัวแต่ยังทรงตัวระดับ 200-250 เหรียญสหรัฐต่อตัน เตรียมกางแผนลงทุนปีหน้าภายใน ก.พ. 66 ด้านโบรกฯ คาดกำไรไตรมาส 3/65 ยังแกร่ง คาดทั้งปี 65 อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 346% จากปีก่อน โบรกแนะซื้อเป้าหมาย 17 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 พ.ย.65) ราคาหุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ณ เวลา 10:21 น. อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.60% สูงสุดที่ระดับ 12.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย122.70 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2566 ยังเติบโตต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงประมาณ 200-250 เหรียญสหรัฐต่อตัน แม้ทิศทางราคาพลังงานในปี 2566 จะอ่อนตัวลงจากปีนี้ แต่จะมีการเติบโตจากการสร้าง Growth ที่กลุ่มบ้านปู เข้าไปดำเนินการเรื่องของ Growth มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยยังคงเป้าหมายการมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานในสัดส่วนมากกว่า 50% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40%

โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการจัดแผนลงทุนในปี 2566 คาดว่าจะชัดเจนในเดือน ก.พ. 2566 เบื้องต้นจะใช้งบลงทุนสูงกว่าปี 2565 ที่ตั้งไว้ประมาณ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากในปี 2566 บริษัทมีแนวทางขยายการลงทุน รองรับการเติบโตภายใต้ 3 เสาหลัก  ได้แก่ เสาหลักที่ 1 (Energy Resources) ที่เป็นการลงทุนในแหล่งพลังงานทั้งถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เสาหลักที่ 2 (Energy Generation) ที่เป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งพลังงานดั้งเดิม (Conventional) และพลังงานหมุนเวียน และเสาหลักที่ 3 (Energy Technology) ที่เป็นการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสมัยใหม่

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 มองว่าทุกธุรกิจของบริษัทยังมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เทียบกับช่วงปลายปี 2564 และช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทด้วย ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทสามารถทำรายได้จากการขายไปแล้ว 3,029 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 102,496 ล้านบาท เทียบกับรายได้รวมทั้งปี 2564 อยู่ที่ 134,990 ล้านบาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรปกติไตรมาส 3/2565 ของ BANPU นอกจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซฯ ที่แข็งแกร่ง ธุรกิจผลิตไฟฟ้า (BPP) คาดว่าจะมีกำไรที่เติบโตจะเป็น High season ของโรงไฟฟ้า Temple I ในสหรัฐฯ ขณะที่การปรับเพิ่มค่าไฟ ทำให้ผลประกอบการธุรกิจโรงไฟฟ้าในจีนดีขึ้น จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มไตรมาสในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์โครงการชูง็อก (Chu Ngoc) และโครงการน็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ (เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ มิ.ย. 2565) คาดว่ากำไรสุทธิของ BPP ในช่วงไตรมาส 3/2565 จะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้

ดังนั้นคาดว่า BANPU จะมีกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 346% จากปีก่อน ปัจจัยหนุนจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งราคาก๊าซฯ และราคาถ่านหิน รวมทั้งปริมาณขายก๊าซฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้า (BPP) ที่ปรับเพิ่ม และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนธุรกิจถ่านหินในจีนที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจัยบวกทั้งหมดเพียงพอชดเชยปัจจัยลบจากการรับรู้ Hedging loss ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ทิศทางการดำเนินงานของ BANPU มีโอกาสที่จะดีต่อเนื่องถึงปี 2566 เป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุน มองว่า BANPU จะเป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในระยะยาว ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทำให้แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ไว้ที่ 17 บาทต่อหุ้น

Back to top button