VGI วิ่งแรง 3% นิวไฮรอบ 1 เดือน หลังโชว์ Q2/66 พลิกกำไร 68 ลบ.
VGI วิ่งแรง 3% ราคาแตะ 3.96 บ. นิวไฮรอบ 1 เดือน หลังโชว์ไตรมาส 2/66 พลิกกำไร 68 ลบ. จากปีก่อนขาดทุน 9.36 ลบ. รับรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น หลังเศรษฐกิจและการบริโภคฟื้นตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 พ.ย.65) บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ล่าสุด ณ เวลา 10:33 น. อยู่ที่ระดับ 3.96 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.12% สูงสุดที่ระดับ 4 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.84 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 74.88 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาหุ้น VGI ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4 บาท เมื่อวันที่ 30 ก.ย.65 หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/66 พลิกมีกำไรสุทธิ 67.59 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 9.36 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 93.06 ล้านบาท เติบโต 13,584% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 0.68 ล้านบาท
โดยนายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ VGI เปิดเผยว่า ในไตรมาสนี้ยังคงรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไรเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยรับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของทุกหน่วยธุรกิจที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางบวกได้ท่ามกลางความท้าทาย ทั้งยังได้รับแรงซัพพอร์ตจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคจากภาคเอกชนร่วมด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสื่อโฆษณาประเภทสตรีทเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลทำให้ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน มีรายได้ 436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบรับต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ VGI จึงได้จัดงาน “V Experience” เพื่อเป็นการเสนอโซลูชั่นส์ทางการตลาดให้กับแบรนด์ในการสร้างสรรค์แคมเปญที่มีประสิทธิภาพด้วยอีโคซิสเต็มที่ครบวงจรของ VGI เช่น แพคเกจโฆษณาใหม่อย่าง “O2O Office Media Focused” สำหรับธุรกิจบริการชำระเงิน ปัจจุบันบัตรแรบบิทมีจำนวน 15.6 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 8.0% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ขณะที่ แรบบิท ไลน์ เพย์ มีจำนวนผู้ใช้งานทั้งสิ้น 10.0 ล้านราย เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการขยายจุดให้บริการไปยังร้านค้าพันธมิตรต่าง ๆ รวมถึง Rabbit Cash เองก็ได้มีการขยายเครือข่ายสินเชื่อสวัสดิการไปยังพนักงานในกลุ่มบริษัทภายใต้ BTS Group เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านธุรกิจการจัดจำหน่าย สามารถทำรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 14.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน หรืออยู่ที่ 408 ล้านบาท จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ Fanslink รวมถึงการควบรวมผลการดำเนินงานของ NINE นอกจากนี้ยังเร่งขยายผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคบนเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสอย่างต่อเนื่อง
สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 65/66 แม้ว่าจะยังมีความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ อยู่ แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจของบริษัทฯ ส่วนใหญ่สอดคล้องกับปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายสู่ภาวะปกติ ประกอบกับในครึ่งปีหลังที่เข้าสู่ช่วง High Seasonality ของธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน
รวมถึงธุรกิจบริการชำระเงินที่บริหารงานโดยกลุ่มแรบบิท ยังได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสาร และยังมีการเติบโตจากการขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัยและธุรกิจบริการสินเชื่ออีกด้วย ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้อย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่เน้นความสำคัญด้านความอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานแนวคิดการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) เสมอมา การันตีได้จากการได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนประจำปี 2565 หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลด้านนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations Awards) จากงาน SET Awards 2022 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างการยอมรับและด้านความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนได้อย่างดีเยี่ยม