AWC แรลลี่ยาว! บวกอีก 4% นิวไฮรอบ 3 ปี หลังผลงาน 9 เดือนโกยกำไร 2.4 พันลบ.

AWC แรลลี่ยาว! บวกอีก 4% นิวไฮรอบ 3 ปี  หลังผลงาน 9 เดือนปี 65 โกยกำไร 2.4 พันล้าน พร้อมเดินหน้าเข้าลงทุนและพัฒนา 2 โครงการในกรุงเทพฯ และภูเก็ต กว่า 8 พันล้าน เสริมศักยภาพท่องเที่ยวไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(22พ.ย.65) ราคาหุ้นบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ณ เวลา 15:52 น. อยู่ที่ระดับ 6.40 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.07% ราคาสูงสุด 6.40 บาท ราคาต่ำสุด 6.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 503.78 ล้านบาท โดยราคาหุ้นนิวไฮรอบ 3 ปี โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 6.55 บาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.62

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กันยายน) บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,448 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 105.49 ล้านบาท และมีรายได้รวม 9,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,194 ล้านบาท

โดยเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการกลับมาเติบโตแข็งแกร่งในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) โรงแรมในกรุงเทพฯ และรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรี ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) ที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกผ่านเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมระดับโลก

โดยในไตรมาส 3/2565 ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ AWC เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 14.2% และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate หรือ ADR) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,920 บาทต่อคืน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 (ก่อนเกิดการแพร่ระบาด COVID-19) อยู่ที่ 4,052 บาทต่อคืน โดยจำนวนห้องพักของธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 5,199 ห้อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวนห้องพัก 3,432 ห้อง

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial) ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้น โดยมีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้เช่าคุณภาพอยู่มากกว่า 60% ด้วยสินทรัพย์อาคารสำนักงานคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัล

ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน มาจากประชาชนเข้ามาจับจ่ายและใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านเป็นอีบิทด้า (Flow Through) มีสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2565 AWC ได้ลงนามสัญญาร่วมทุน และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มทุนรวม 10,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

นอกจากนี้ล่าสุด AWC จะเข้าลงทุนและพัฒนา 2 โครงการ ในกรุงเทพฯ และภูเก็ต มูลค่ารวม 8,856 ล้านบาท เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์คุณภาพของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ได้แก่ การเข้าลงทุนและพัฒนาในโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ และโครงการ เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต เพื่อช่วยเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

Back to top button