ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ซึมซับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,630.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,760.05 จุด เพิ่มขึ้น 5.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,480.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,995.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,924.10 จุด เพิ่มขึ้น 6.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.59 จุด ลดลง 0.30 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน

ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

ขณะที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่กรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำ และการจ้างงานจะยังคงมีเสถียรภาพ

ด้านนายดัดลีย์ยังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่จะคาดว่าภาวะเงินเฟ้อและการจ้างงานจะสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดในไม่ช้า ซึ่งจะทำให้กรรมการเฟดเริ่มคิดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น

ส่วนนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า สหรัฐจะกลับไปสู่ยุคที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมแต่ละครั้ง

โดยนายบูลลาร์ดกล่าวว่า หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกแล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละครั้ง นอกจากนั้นยังกล่าวเสริมว่า เฟดจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบาย โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ

Back to top button