BCPG บวกแรง 4% นิวไฮรอบ 2 เดือน รับแผนปีหน้าทุ่ม 3 หมื่นลบ. ลุยปิดดีล M&A
BCPG บวกแรง 4% นิวไฮรอบ 2 เดือน รับแผนปีหน้าทุ่ม 3 หมื่นล้านลุยปิดดีล M&A วางเป้าคว้ากำลังการผลิตใหม่เข้าพอร์ตอีกไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ พร้อมลุ้นผลเสนอขายไฟพลังงานหมุนเวียนจากทาง กกพ. ประกาศผลกลาง มี.ค. 66
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 พ.ย. 65) ราคาหุ้นบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ณ เวลา 12.07 น. อยู่ที่ระดับ 10.50 บาท บวก 0.40บาท หรือ 3.96% สูงสุดที่ระดับ 10.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78.34 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบกว่า 2 เดือนโดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 10.50 บาท เมื่อวันที่ 15 ก.ย.65
โดยก่อนหน้านี้นายภูวดล สุนทรวิภาต ผู้จัดการใหญ่ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนสำหรับปี 66 ไว้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้าพอร์ตในปี 2566 เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำ ในประเทศไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว เวียดนาม และไต้หวัน มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,100 เมกะวัตต์
ทั้งนี้บริษัทยังเน้นการขยายการลงทุนโครงการในต่างประเทศเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการขยายการลงทุนในประเทศ โดยล่าสุดบริษัทได้ยื่นเสนอขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าในโครงการพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565–2573 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 กำลังการผลิตรวม 5,203 เมกะวัตต์ โดยบริษัทสนใจโครงการโซลาร์พ่วงแบตเตอรี่ ซึ่งมีทั้งโครงการที่บริษัทลงทุนเอง และร่วมกับทางพันธมิตร โดยยื่นไปหลายโครงการในหลายพื้นที่ ส่วนจะได้จำนวนกี่โครงการนั้น ต้องรอทาง กกพ.ประกาศผลในช่วงกลางเดือน มี.ค. 2566
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของกลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP นอกจากธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและโรงกลั่นฯ ทั้งนี้ BCPG มั่นใจกับการเติบโตแบบ Inorganic ในไตรมาส 4/65 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 66
โดยตั้งเป้าว่าในปี 73 จะเพิ่มปริมาณผลิตไฟฟ้าเป็น 6,800 กิกะวัตต์ชั่วโมง หรือ GWh (จาก 1,100 GWh ในปี 66) ในขณะที่ 20-25% ของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 73 จะมาจากธุรกิจประเภท peripheral และ frontier (สายโซ่อุปทานแบตเตอรี่และไฮโดรเจน) จากปัจจุบันที่มาจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (RE) เต็ม 100% ซึ่งหมายความว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
โดยตลาดที่บริษัทมุ่งเน้น ได้แก่ ประเทศไทย (พลังงานหมุนเวียน 5.2 GWh), เวียดนาม (โรงไฟฟ้าพลังงานลม+โซลาร์+น้ำ โดยจะพึ่งพาสายส่งไฟฟ้า) และไต้หวัน (โรงไฟฟ้าโซลาร์+ลม+แบตเตอรี่)
ทั้งนี้ BCPG มีสภาพคล่องเต็มมือ และยังสามารถจะกู้เพิ่มได้เองอีก 80,000 ล้านบาท ดังนั้นยังคงแนะนำ “ถือ” BCPG ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 10.40 บาท