SVI พุ่งแรง 12% ปักธงรายได้ปี 66 แตะ 3 หมื่นล้าน ยอดผลิตชิ้นส่วนอิเล็กฯ หนุน
SVI พุ่งแรง 12% ปักธงเป้าหมายปี 66 รายได้รวม 30,000 ล้านบาท ชูศักยภาพด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่มีประสิทธิภาพ รับดีมานด์พุ่งจากการเติบโตของลูกค้าภาคอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ธันวาคม 2565) ราคาหุ้น บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 10.90 บาท บวก 1.15 บาท หรือ 11.79% สูงสุดที่ระดับ 11.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163.53 ล้านบาท
นายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI เปิดเผยว่า ลูกค้าของ SVI ในภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยประเมินว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์เกี่ยวกับระบบควบคุมอุตสาหกรรม อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายไร้สาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ยานยนต์ ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมอยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก ทำให้ฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ มีออเดอร์เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของ SVI ขับเคลื่อนสร้างการเติบโตผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2566 เพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำรายได้รวมกว่า 26,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯพร้อมนำศักยภาพและประสิทธิภาพการผลิตจากฐานการผลิตที่กระจายอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา สโลวาเกีย ออสเตรียและฮังการี เพื่อตอบสนองความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น SVI ได้ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศกัมพูชาเกือบ 3 เท่า และเพิ่มกำลังการผลิตอีกเกือบ 2 เท่าที่ฐานการผลิตประเทศสโลวาเกีย เพื่อรองรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนเพื่อส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งความต้องการการย้ายฐานการผลิตเกิดจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าจีนกับสหรัฐรวมไปถึงความกังวลต่อประเด็นการดำเนินนโยบาย Zero Covid Policy ของภาครัฐทำให้เกิดความเสี่ยงของ Supply Chain Disruption โดยฐานการผลิตทั้ง 2 แห่งดังกล่าวของ SVI ได้ขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จเพื่อเตรียมพร้อมรองรับออเดอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน จะเร่งขยายตลาดและฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน ที่ SVI ได้เข้าไปตั้งทีมขายเพื่อนำเสนอศักยภาพด้านการผลิตให้ลูกค้า เพื่อใช้ประโยชน์จากประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ทำให้ SVI นำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งของฐานการผลิตเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการนำศักยภาพด้านการผลิตเพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าปัจจัยลบจากการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์จะมีแนวโน้มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นก็ตาม จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นและอัตราการทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องระหว่างที่กลยุทธ์ของบริษัทฯ จะสามารถทำให้ยอดขายโตขึ้นปีละ 15%-20%
“เรามุ่งเน้นสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยนำความสามารถด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการภาคธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรืออุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายไร้สาย ซึ่งยังขยายตัวเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับปัจจัยการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์มีทิศทางที่ดีขึ้น จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสมชาย กล่าว