AURA วิ่งต่อ 4% รับแผนขยายสาขา ดันกำไรโตเฉลี่ยปีละ 14%

AURA พุ่งอีก 4% รับแผนขยายสาขาแตะ 409 แห่ง ภายในปี 67 หนุนรายได้เพิ่ม ฟากโบรกประเมินกำไรโตเฉลี่ยปีละ 14%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ณ เวลา 15:00 น. อยู่ที่ระดับ 15.20 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4.11% สูงสุดที่ระดับ 15.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 831.71 ล้านบาท

ด้าน นายอนิวรรต ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AURA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายสาขาและขยายธุรกิจรับขายฝาก โดยวางเป้าหมายจะขยายธุรกิจรับขายฝากเป็น 3,846 ล้านบาท ในปี 67 จากสิ้นปีนี้คาดอยู่ที่ 1,900-2,000 ล้านบาท ปี 66 ขยับขึ้นเป็น 2,700 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะลงทุนขยายสาขาหน้าร้าน (Offline) โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2567 จะมีสาขาเพิ่มเป็น 409 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 266 แห่ง สิ้นปีนี้คาดที่ 270 แห่ง ใช้เงินลงทุนสาขาละ 1 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดในหัวเมืองต่าง ๆ

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/2565 คาดเป็นไปตามแผน และทั้งปีเชื่อว่าผลประกอบการจะเติบโตกว่าปีที่แล้ว ซึ่งธุรกิจค้าปลีกทองคำในประเทศ เป็นตลาดที่ใหญ่มาก ปัจจุบัน AURA มีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) เพียง 2-3% เท่านั้นเมื่อเทียบกับทั้งตลาด ยังมีช่องทางในการเติบโตอีกมาก

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า AURA เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณีแบบครบวงจร ที่นำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ ตลอดจนการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกช่วงเวลาและโอกาสการแห่งการให้และการมุ่งขยายธุรกิจขายฝากทองรูปพรรณฯ ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต

อีกทั้ง AURA เป็นหุ้นไทยตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกทองรูปพรรณและเครื่องประดับแบบครบวงจร จึงมีกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในช่วงของการเปิดจองซื้อหุ้น IPO เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และโอกาสเติบโตในอนาคต

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไร 14% ต่อปี โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2565 เติบโต 24% เป็น 724 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 37% เป็น 995 ล้านบาทในปี 2566 คาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ของกำไรต่อหุ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่ 14% จากการเติบโตของทั้งยอดขายสินค้าและดอกเบี้ยรับจากธุรกิจขายฝาก เนื่องจากการขยายสาขารวม 30 สาขาในปี 2565 และ 2564 สาขาในปี 2566

ประกอบกับคาดการณ์ว่าพอร์ตลูกหนี้ขายฝากจะเพิ่มขึ้น ฐานะการเงินมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นหลังบริษัทได้เงินจาก IPO รวมถึงการนำเงินที่ได้จาก IPO มาชำระคืนเงินกู้บางส่วน ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงจาก 1.5 เท่าในปี 2564 เป็น 0.3 เท่าในปี 2565

พร้อมประเมินมูลค่ากิจการของ AURA ด้วยวิธี PE เปรียบเทียบกับบริษัทในต่างประเทศที่ทำธุรกิจเครื่องประดับซึ่งมี PE ปี 2566 เฉลี่ย 13.7 เท่า โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2566 ที่ 9.7-20.4%

ขณะเดียวกัน ประเมินว่า AURA สมควรมี PE พรีเมียม เมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่คล้ายกัน เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรปี 2566 ที่ 37% ซึ่งสูงกว่ากลุ่มดังกล่าว อีกทั้งมีการขยายธุรกิจขายฝากซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเมื่ออิง PE ปี 2566 ที่ระดับ 18 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 13.40 บาท

 

Back to top button