BAM บวก 4% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 21 บ. จับตากำไร Q4 โตต่อ รับเก็บเงินสดพุ่ง
BAM บวก 4% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 21 บ. จับตากำไรไตรมาส 4/65 โตต่อ รับจัดเก็บเงินสดเพิ่มขึ้น-ไฮซีซั่นหนุนขาย NPA พุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ณ เวลา 16:07 น. อยู่ที่ระดับ 16.10 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.87% สูงสุดที่ระดับ 16.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.11 พัน ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM จะเติบโตจากไตรมาสก่อน และเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากแนวโน้มการจัดเก็บเงินสดได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับเป็นช่วง High Season คาดขายสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ได้เพิ่มขึ้น หลังจัดกิจกรรมการตลาดเร่งระบายสต๊อกมากขึ้น อีกทั้งจับมือกับพันธมิตรใหม่ทำระบบ Matching ผู้ซื้อช่วยหนุนยอดขาย NPA ปีหน้า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BAM ราคาเป้าหมาย 18 บาท จากผลการดำเนินงานที่จะขยายตัวดี 2565E-2567E EPS CAGR +18% การทยอยขายหนี้เสียของสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น ภายหลังที่ชะลอตัวในช่วงปี 2563-2565E ขณะที่ cash collection ที่เพิ่มขึ้น และทำให้ 2566E ROAE จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 9% รวมทั้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565E
ก่อนหน้านี้นายรฐนนท์ ฟูเกียรติ ผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์และบริการผู้ถือหุ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า บริษัทไม่กังวลในการร่วมทุนจัดตั้งกิจการร่วมค้า (JV AMC) กับสถาบันการเงินล่าช้า เพราะยังมีเวลาจนถึง 31 ธ.ค. 2567 ในการพิจารณาเรื่อง JV AMC ยืนยันว่า เรื่อง JV AMC ไม่กระทบต่อตัวธุรกิจ เพราะบริษัทยังสามารถรับซื้อหนี้ได้ตามปกติ สำหรับผลเรียกเก็บหนี้ปีนี้ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 17,488 ล้านบาท เชื่อว่าในไตรมาส 4/2565 สามารถเรียกเก็บหนี้ได้มากขึ้น
เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ส่วนยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ในไตรมาส 4/2565 เป็นรายใหญ่ 400 ล้านบาท จำนวน 1 ราย และ 100 ล้านบาท จำนวน 1 ราย ส่วนรายเล็กต่ำกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 10 ราย เป้าหมายซื้อ NPL ปีนี้ตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เงินซื้อทรัพย์ 6,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2565 จะใช้เงินซื้อทรัพย์ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท จาก 9 เดือนที่ผ่านมาใช้เงินซื้อทรัพย์ไปแล้ว 3,170 ล้านบาท