RBF บวกแรง 5% จับตางบ Q4 แจ่ม ดันรายได้ปีนี้โต 20% โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 14 บาท
RBF บวกแรง 5% จับตางบไตรมาส 4/56 แจ่ม ดันรายได้ปีนี้โต 20% โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 14 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(7ธ.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBFณ เวลา 10:40 น. อยู่ที่ระดับ 13.60 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ระดับ 13.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53.32 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไตรมาส 4/65 จะกลับมาเติบโตได้ทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารที่ขายดีขึ้นมาก ตามความต้องการของร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว คาดจะหนุนให้กำไรปี 65 และปี 66 โตเฉลี่ยปีละ 25% แนะนำราคาเป้าหมาย 14 บาท
โดยก่อนหน้านี้นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน RBF เปิดเผยว่า ทิศทางของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2565 น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของรายได้จากการขาย และต้นทุนต่าง ๆ ของวัตถุดิบ จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว หลังสถานการณ์ของโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เกิดการจ้างงาน ส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าของ RBF ในต่างประเทศยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากขึ้น ขณะที่ตลาดภายในประเทศไทยก็กลับมาคึกคักมากขึ้นด้วย แม้จะไม่เท่าตลาดต่างประเทศก็ตาม ดังนั้น ในปี 2565 บริษัทจึงมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ที่ระดับ 15-20% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 3,391 ล้านบาท
สำหรับการขยายตลาดอินเดียร่วมกับพันธมิตร Avanti Group ผู้ประกอบการอาหารทะเลรายใหญ่ในอินเดีย (เป็นบริษัทร่วมของ TU) ยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีกำลังซื้อสูง ดังนั้น กลุ่ม Food Ingredient (ส่วนผสมในอาหาร) จึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายแล้ว แต่ยังไม่มีนัยสำคัญ แต่ในปี 2566 จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจน และในปีหน้าบริษัทจะมีการวางกลยุทธ์ กำหนดแผนการดำเนินงาน และวางเป้าหมายร่วมกับพันธมิตรอย่างชัดเจน
นายสุรนาถ กล่าวอีกว่า การขยายตลาดอินเดียดังกล่าว ดำเนินงานภายใต้บริษัทร่วมทุน RBS-TU FOOD INGREDIENTS PRIVATE LIMITED ซึ่ง RBF ถือหุ้นในสัดส่วน 51% ส่วนที่เหลือจะถือหุ้นโดยบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และ Srinivasa Cystine Private Limited (SCPL) บริษัทในเครือ Avanti Group ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายส่วนผสมในอาหาร
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายสินค้ากลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นและสีไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะขยายไปในทุกกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และจะเน้นขยายไปไนกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทเชื่อว่าภายในช่วงระยะเวลาภายใน 3 ปี (ปี 2566-2568) สัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปี 2565 ที่มีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศ 20% ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักในการขยายตลาดจะมีทั้งการออกงานแสดงสินค้า, การขายผ่านพันธมิตร และการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย