DTCENT เด้ง 2% จับตาปีหน้าโต 15% แบ็กล็อก 3 ปี 2 พันล้าน

DTCENT รีบาวด์ 2% ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโตมากกว่า 15% งานด้าน GPS ภายใน 3 ปี จะมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ของงาน IoT เติบโตต่อเนื่อง มั่นใจสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อีกมาก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT ณ เวลา 10:10 น. อยู่ที่ระดับ 2.54 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 2.42% สูงสุดที่ระดับ 2.58 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 147.30 ล้านบาท

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ DTCENT กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ประมาณ 10% ส่วนในปี 2566 ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2565  บริษัทมีรายได้รวม 479.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไร 52.39 ล้านบาท ลดลง 6.43% จากปีก่อน คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี 2565 ที่ 106 ล้านบาทซึ่งรายได้พลิกฟื้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

ด้าน นางสาวจิราพร ลายลักษณ์ กรรมการบริษัท DTCENT กล่าวว่า ในการเข้าตลาดในครั้งนี้มองว่าจะช่วยสนับสนุนโอกาสทางธุรกิจหลายเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 2 ทางคือ 1) ธุรกิจจัดจำหน่าย และให้บริการอุปกรณ์ติดตามรถ (GPS) และ 2) ธุรกิจบริการพัฒนา IoT ซึ่งงาน IoT ในปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น ขณะที่งาน GPS จะเติบโตจากผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาต่อยอดจาก GPS ที่เป็นกล้อง การ์ด ระบบตรวจจับใบหน้า กล้องตรวจจับสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นต้น

โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้งาน GPS กว่า 80% รายได้งาน IoT ประมาณกว่า 10% โดยงาน IoT มีงานอย่างต่อเนื่องในอนาคตจะดำเนินงานเชิงรุกมากขึ้นมีการนำเสนองานให้ลูกค้ามากขึ้น คาดว่าในปี 2566 สัดส่วนรายได้ของงาน IoT จะอยู่ที่ 30-40% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมดเพราะขณะนี้มีหลายโครงการในมือ ซึ่ง Backlog ที่รับปีนี้มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ปีหน้า

แบ่งเป็นลูกค้าภาครัฐ 70% และลูกค้า 30% เนื่องจากโครงการของเอกชนยังไม่ใช่โครงการใหญ่เหมือนโครงการภาครัฐที่มีมูลค่าโครงการมากกว่า แต่มีจำนวนลูกค้ารายมากกว่า ส่วนงาน GPS นั้น รายได้จะเติบโตขึ้นแต่สัดส่วนรายได้จะลดลง และมี Backlog เป็นสัญญาในมือเฉลี่ย 3-5 ปี โดยคาดว่าภายใน 3 ปี จะมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 600 ล้านบาท แต่ก็คาดว่าในปีนี้จะมี Backlog เพิ่มเติมเข้ามามากขึ้นอีก

อย่างไรก็ตามมองเทรนด์ในอนาคตว่างาน GPS และรายได้งาน IoT นั้น จะเป็นการเช่าใช้มากขึ้นทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน และเก็บเป็นรายได้ประจำเข้ามา (Recurring) ในส่วนของการควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (JV) เบื้องต้นบริษัทมองไว้หลายรายก็คาดว่าต้นปีหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

ขณะที่นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) กล่าวว่าราคาที่ตั้งเหมาะสมแล้ว โดยหุ้นสะท้อนความเป็นธุรกิจ GPS อย่างเดียว ในอนาคตหากมีงาน IoT และงานอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา ทางบริษัทก็น่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลพัฒนาการของบริษัทได้มากขึ้นว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้าง จึงมั่นใจว่าหุ้น DTCENT จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว

“หุ้น DTCENT ถือเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงิน โดยเฉพาะหากพิจารณาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่ามาโดยตลอด และอัตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net IBD/E) ติดลบ 0.4-0.5 เท่า ซึ่งทำให้เป็นบริษัทฯ ที่มีสถานะ Net cash position  และด้วยฐานะการเงินไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน และเงินที่ได้จากการไอพีโอในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถรับงานโครงการขนาดใหญ่ได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร ซึ่งมีส่วนในการได้รับงานโครงการในระยะข้างหน้าอีกด้วย” นายเอกจักร กล่าว

Back to top button